ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 มีนาคม นายสมชาย หอมลออ ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมโครงการรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบจากทุกฝ่าย (Hearing) ในกรณี การเสียชีวิต 6 ศพ วัดปทุมวนารามฯ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553ขึ้นมาพิจารณา โดยเชิญญาติผู้เสียหาย ได้แก่ นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาและนายณัทพัช อัคฮาด น้องชายของนางสาวกมนเกด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมฯ ,แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายวสันต์ สายรัศมี อาสากู้ภัย ตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ,พ.ต.ท.ธรณินทร์ คลังทอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ,พ.ต.ต.สุรนาท วงศ์พรหมชัย กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ,นายอิสรนันท์ อิทธิสารนัย ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ,นายชิตพันธ์ วงษ์ไทย บรรณาธิการข่าวช่อง 5 และบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เข้าร่วมให้ข้อมูล และร่วมสังเกตการณ์
นายอิสรนันท์ อิทธิสารนัย ผู้สื่อข่าวไทยรัฐให้การว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนและนักข่าวช่างภาพสำนักอื่นๆ หลบกระสุนกันอยู่ภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตรงนั้นมีตำรวจ ตชด.พร้อมด้วยอาวุธครบมืออยู่ด้วย ในเวลาประมาณ 18.30 น. ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นการยิงเคลียร์พื้นที่อยู่ของเจ้าหน้าที่ทหาร เห็นคนวิ่งกรูเข้าไปในวัดปทุมฯ มีเสียงปืนไล่มาจากแยกเฉลิมเผ่า จากข้างล่างก่อน แล้วก็ดังข้างบนต่อเนื่องกันเกือบ 15 นาที เจ้าหน้าที่ตชด.หลบอยู่ข้างกัน มองออกไปข้างนอก ตนจำคำพูดเขาได้ว่า ถ้ามันยิงเด็ก ผมจะยิงมัน เหตุยิงตอนนั้น เสียงปืนที่ได้ยิน ห่างกันประมาณ 10 เมตรจากรั้ว สตช.กับวัดปทุมฯ แต่กำแพงรั้วบัง น่าจะเป็นการเคลียร์พื้นที่แนวราบ แต่ไม่เข้าใจทำไมมีเสียงปืนจากข้างบนด้วย จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์จากกลุ่มผู้ชุมนุมให้ช่วยประสานความช่วยเหลือเนื่องจากมีผู้เสียชีวิต ที่วัด 6 ศพ บาดเจ็บ 4 ราย ขณะนั้นเราอยู่ห่างจากเขา 10 เมตร แต่เราออกจากรั้วไม่ได้เนื่องจากตำรวจได้ห้ามไว้ ทั้งคืนเราก็พยายามติดต่อตำรวจหลายๆหน่วย แต่ไม่มีใครกล้าออกไปนอกรั้ว ทุกคนเห็นเงาของคนอยู่ข้างบนรถไฟฟ้า เป็นเงาตะคุ่มๆ ตอนนั้นเรามั่นใจว่าเป็นทหารแน่ เพราะมีคนโทรมาฟ้องว่า ทหารเป็นคนยิง เหตุการณ์คืนนั้นผ่านไปโดยที่เราทำอะไรไม่ได้เลย กระทั่ง 6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ค. 53 ก็เดินเข้าไปดูเหตุการณ์เห็นคนเสียชีวิต เราก็ไปหารอยวิถีกระสุน ก็พบรอยวิถีกระสุนจำนวนมากที่พื้นวัด รวมถึงบนหลังคาเต้นท์ และรถยนต์ ที่ดูแล้วน่าจะเฉียงมาจากข้างบน สันนิษฐานผู้อยู่บนรถไฟฟ้ามีการยิงเคลียร์พื้นที่ 2 ฟากฝั่งถนน เนื่องจากมีเต้นท์เป็นรู เราไม่เห็นวิถีกระสุนจากล่างขึ้นบนรางรถไฟฟ้า
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ดูภาพคลิปวิดีโอ หลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นคนยิง และมีการเผยแพร่มาเป็นปีแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ดีเอสไอ ทำไมไม่ไปตรวจสอบให้คดีมันเกิดความคืบหน้าว่าใครเป็นคนทำ มีแต่ไปสอบปากคำฝั่งซ้ายที ฝั่งขวาที แต่คนที่เก็บหลักฐานต่างๆ ผ่านรูปถ่าย ผ่านคลิป ทำไมไม่ไปสอบถามให้ชัดเจน เรากำลังสับสนกันหรือเปล่า ว่าใครยิง ไม่ยิง ทำไมเราไม่ถามคนที่ถ่ายรูปล่ะ และยังไม่รู้ว่า คนเหล่านั้นมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านก็นำชื่อของทหารที่ประจำการอยู่บนรถไฟฟ้ามาเปิดเผย กองทัพก็ไม่ได้ปฏิเสธ จริงๆ แล้วเขาอาจไม่ได้เป็นคนทำก็ได้ แต่คนที่เห็นน่าจะชี้ชัดได้ว่า คนเหล่านั้นอยู่ร่วมเหตุการณ์ตรงนั้นหรือไม่ก็ได้น่าจะมีการสอบสวนในเชิงลึกมากกว่านี้ แต่ที่ผ่านมาไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย มีแต่การเตรียมการจะถล่มรัฐบาล แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ทำอะไรเลย ตนเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะทราบดี แต่ไม่เข้าใจทำไมกระบวนการสอบสวนมันหยุดไป
"ผมเป็นสื่อ ผมมาทำหน้าที่นี้ คิดว่า ถ้าคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วผมเห็นแล้วไม่พูดอะไร ก็ไม่รู้จะมาทำหน้าที่ทำไม" นายอิสรนันท์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น