เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 53 สถานการณ์เผชิญหน้าของกลุ่มเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่รัฐ ตึงเครียดอย่างหนักอีกครั้ง มีการปะทะด้วยอาวุธระหว่างสองฝ่ายที่บริเวณอนุสรณ์สถาน ย่านดอนเมือง สำนักข่าวต่างประเทศต่างรายงานเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เบื้องต้น ศูนย์เอราวัณรายงานเบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ 16 ราย ในจำนวนนี้มีสาหัส 2 ราย นอกจากนี้มีทหารเสียชีวิตด้วย ซึ่งซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ฝ่ายทหารที่เสียชีวิตที่อนุสรณ์สถาน มีสาเหตุมาจากยิงโดนกันเอง หรือ friendly fire
เสื้อแดงเคลื่อนขบวนมุ่งตลาดไท
ความเคลื่อนไหวเริ่มจากในช่วงเช้า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงข่าวว่า จะนำขบวนรถปิกอัพและจักรยานยนต์ รวมกว่า 100 คัน เคลื่อนจากบริเวณที่ชุมนุมใกล้แยกราชประสงค์ ในเวลานัดหมายช่วง 10.30 น. มุ่งไปที่ตลาดไท ย่านรังสิต เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุม กดดันให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา โดยให้นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรฯ นำขบวนรถออกไปทางถนนพระราม 4 เข้าวิภาวดีรังสิต ตรงเข้าสู่ตลาดไท เพื่อพบปะสื่อสารและมาให้กำลังใจพี่น้อง หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมดังกล่าวแล้ว คนเสื้อแดงจะเดินทางกลับมาที่ชุมนุมแยกราชประสงค์ต่อไป
เวลา 13.15 น. กลุ่มนปช.ปทุมธานีเคลื่อนพลโดยรถยนต์ปิคอัพ และรถจักรยานยนต์ มาตามถนนพหลโยธินขาเข้าไปร่วมกับกลุ่มนปช.เดิมที่ปักหลักประจัญหน้ากับเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนกว่า 300 นาย ที่เดินทางมาทางรถยนต์ ยีเอ็มซี รถฮัมวี่ บนถนนวิภาวดีรังสิตขาออก โดยมีรั้วลวดหนามคั่นกลาง ทำให้การจราจรติดขัดแน่งนิ่งเข้าไปในเขตดอนเมือง
ระหว่างนั้นกลุ่มนปช.ด่าทอเจ้าหน้าที่ทหารผ้าพันคอสีฟ้าว่า ใช้อาวุธปืนในการยิงสลายชาวเสื้อแดง ทางทหารก็ได้ประกาศทางเครื่องขยายเสียงขอให้พี่น้องประชาชนเปิดเส้นทาง เพื่อขอพื้นที่ และตำรวจ ก็อยู่ในอาการสงบ
เริ่มปะทะเดือดช่วงบ่าย 2
เวลา 14.00 น. กลุ่มเสื้อแดงซึ่งเคลื่อนพลก่อนถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ปั๊มปตท. เพื่อเดินทางมุ่งหน้าไปยังตลาดไท ถึงจุดถนนวิภาวดี 47 เจอกลุ่มทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยโล่และกระบองครบมือ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจบีบแตรเสียงดังลั่น พร้อมกับบุกรื้อแนวกั้นลวดหนาม ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางขึ้นฟ้า เพื่อข่มขู่ไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนเข้ามา ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยการยิงพลุ หนังสะติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ จากนั้นได้ถอยร่นกลับเข้าไป คาดว่าขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายประจันหน้ากันไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
หลังจากนั้นเกิดเหตุชุลมุนขึ้นอีกครั้งมีเสียงปืนดังนานติดต่อกันประมาณ 10 นาที ท่ามกลางฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยมีรายงานว่านายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำที่นำทัพเคลื่อนพลไปหลบอยู่ภายในรถ ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนได้ขึ้นไปบนโทลลเวย์และขว้างก้อนหิน ระเบิดปิงปองลงมาด้านล่าง
ฝนเทหนัก-ทหารยิงใส่กันเอง
เวลา 15.40 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพร้อมอาวุธครบมือประจำการคอยดักกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่เยื้องบริเวณหน้าปั๊มปตท. ถนนวิภาวดี เพื่อไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงมุ่งหน้าไปยังตลาดไท ระหว่างที่ฝนเทลงมาอย่างหนักเป็นช่วงที่กลุ่มจักรยานยนต์ของทหารหน่วยเคลื่อนที่เร็วประมาณ 20 คัน โดยมีทหารประมาณ 40 นายพร้อมอาวุธครบมือ ได้เปิดไฟหน้าฝ่าสายฝนวิ่งมาทางกลุ่มที่ทหารตั้งรอรับกลุ่มเสื้อแดงบริเวณดังกล่าว แต่ทหารที่ตั้งรับอยู่มองไม่เห็นว่าเป็นทหาร เข้าใจว่าเป็นกลุมคนเสื้อแดงจะบุกเข้ามาบริเวณด่าน จึงกระหน่ำยิงด้วยอาวุธสงคราม ทำให้ทหารหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่มุ่งหน้ามาสมทบต่างล้มระเนดระนาดกลางถนนวิภาวดีฯ โดยมีทหารที่นำขบวนอยู่ด้านหน้าสุด ถูกยิงบริเวณศีรษะทะลุหมวก ทำให้ศีรษะเปิดสมองกระจาย ตาถลนออกมา เสียชีวิตคาที่ 1 ราย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเคลื่อนที่เร็วพยายามยกมือบอกว่าเป็นทหารพวกเดียวกันเพื่อมาสมทบ ทำให้ทหารที่ประจำการยุติการยิงและวิ่งไปช่วยเหลือทหารที่ถูกยิงและนำตัวออกมาจากจุดเกิดเหตุ นำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนทหารอื่นกระโดดหลบทัน ทำให้ไม่มีผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม
ปิดจราจรอลหม่าน-แจ้งยอดเจ็บ16
ทหารประมาณ 2 กองร้อยอาวุธครบมือ ยังตรึงกำลังอยู่บริเวณทางขึ้นด่วนโทลล์เวย์ขาออกตรงข้ามปั๊มปตท. ถนนวิภาวดีฯ บนโทลล์เวย์ปิดการจราจรทั้งหมด ส่วนด้านล่างมีกำลังเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลตั้งด่านสกัดเส้นทางที่จะมุ่งไปทางตลาดไท เพื่อป้องกันการแฝงตัวคนเสื้อแดงที่จะเดินทางไปสมทบบริเวณเดินทาง ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก ทั้งเส้นทางเขาเข้าและขาออก โดยผู้ขับขี่ที่ใช้เส้นทางสัญจรต่างไม่พอใจ บีบแตรลั่นถนนเพื่อให้ตำรวจเปิดทางวิ่งได้สะดวก เนื่องจากผู้ใช้รถบางคันขนผักและปลามาทางตลาดไท ซึ่งอาจทำให้เสียหายได้
ระหว่างนี้มีกำลังทหารตรึงกำลังอยู่ใกล้ปั๊มปตท. ส่วนเสื้อแดงประมาณ 2,000 กว่าคนยังปักหลักอยู่บริเวณปั๊มแก็ส ซอยวิภาวดี 45 ต่อมามีเสียงดังคล้ายประทัดต่อเนื่องบริเวณก่อนถึงปั๊มแก็ส เนื่องจากมีคนเสื้อแดงพยายามเล็ดลอดฝ่าแนวทหารเข้ามา จึงถูกสกัดด้วยอาวุธตลอดเวลา
จากนั้นมีการสั่งปิดทางด่วนโทลล์เวย์ตั้งแต่ขาเข้าเซียร์รังสิต และขาออกที่บางเขน จากนั้นทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมได้ล่าถอยไปตั้งหลักเพื่อหลบฝน และหลังจากที่ผู้ชุมนุมรับทราบว่าแกนนำเสื้อแดงที่ราชประสงค์สั่งให้ถอนกำลังกลับที่ตั้งจึงแยกย้ายเดินทางกลับ ขณะที่มีผู้ถูกลูกหลงจากเหตุการณ์โดนกระสุนจริงยิงฝังเข้ากระพุ้งแก้มขณะขับรถปิกอัพกับภรรยา โดยสารวัตรทหารที่ประสบเหตุได้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล
เวลา 15.50 น. ศูนย์เอราวัณ รายงานยอดคนเจ็บล่าสุด ทั้งหมด 16 ราย ร.พ.ภูมิพล 10 ร.พ.ประชาธิปัตย์ 4 ราย ร.พ.วิภาวดี 1 ราย ร.พ.แพทย์รังสิต 1 ราย สาหัส 2 ราย
จากเหตุการณ์ปะทะกันนานกว่า 1 ชั่วโมงและปิดกั้นการจราจรอีก 3 ชั่วโมง ส่งผลให้การจราจรของทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก ของ วิภาวดีรังสิต และ พหลโยธินติดขัดยาวด้านละกว่า 10 กิโลเมตร ส่งผลให้ถนนอีกหลายสายในฝั่งรังสิต คูคต บางขัน ติดขัดต่อเนื่องกว่า 3 ชั่วโมง กระทั่งเปิดการจราจรได้เวลา 16.00 น.
เวลาราว 18.15 น. สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีการเปิดเส้นทางต่างๆ รวมถึงโทลล์เวย์ ขาเข้าและขาออกตามปกติ
แดงราชประสงค์ตรึงรักษาพื้นที่
ส่วนที่เวทีการชุมนุมแยกราชประสงค์ หลังจากมีข่าวการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่จะเคลื่อนไปที่ตลาดไท บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง ถ.วิภาวดี นายวิสา คัญทัพ ที่ปราศรัยบนเวที จึงประกาศให้คนเสื้อแดงที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง นำกำลังไปสมทบช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ติดอยู่บริเวณอนุสรณ์สถานฯ ส่วนผู้ชุมนุมที่อยู่แยกราชประสงค์ให้รักษาพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่หลังเวทีราชประสงค์ได้โทรศัพท์ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคลื่อนขบวนไปอย่างใกล้ชิด พร้อมกับมีสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายสมหวัง อัสราษี โดยเฉพาะ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์แกนนำคนเสื้อแดง ที่ติดตามความเคลื่อนไหวและการปะทะผ่านอินเตอร์เน็ตอย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงตัดสินใจติดต่อไปที่นายขวัญชัย ไพรพนา ที่นำมวลชนคนเสื้อแดงเคลื่อนไป ให้เดินทางกลับมาที่แยกราชประสงค์ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร และเพื่อความปลอดภัยของคนเสื้อแดง
ด้านศูนย์วิทยุของหน่วยรักษาความปลอดภัย นปช. สั่งการให้การ์ดนปช.ทุกด่านเตรียมความพร้อมรับการสถานการณ์การสลายการ ชุมนุมทันที หลังจากที่มีการผ่อนคลายลงในช่วงเช้า
โวยทหารใช้รถชาวบ้านช่วยสลาย
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายจตุพร ขึ้นปราศรัยบนเวที ว่า ทางศอฉ.ใช้วิชามาร ป้องกันไม่ให้คนเสื้อแดงกลุ่มใหญ่ที่เคลื่อนจากราชประสงค์ไปสมทบที่ตลาดไทได้ ใช้วิธีการทำให้รถติด คือใช้รถของชาวบ้าน จอดติดไฟแดงเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยที่ชุดปะทะกับทหารเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วที่ล่วงหน้าไปก่อนรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในละแวกตลาดไท เป็นการแยกกลุ่มคนเสื้อแดงให้เป็นกลุ่มเล็ก เพื่อให้ทหารเข้าสลาย ดังนั้นขบวนใหญ่ของคนเสื้อแดงจึงเลี้ยวรถกลับมาที่เวทีราชประสงค์ทั้งหมดเพื่อคิดหาวิธีการใหม่ที่จะกระทำในวันพรุ่งนี้ และขอให้พี่น้องเสื้อแดงที่อยู่ที่แยกราชประสงค์อยู่กันโดยไม่ต้องกังวล
ยันขวัญชัย ไพรพนาไม่ถูกจับ
เวลา 16.10 น.นายจตุพร ขึ้นกล่าวบนเวทียืนยันว่า ขณะนี้นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำนปช. อยู่ในจุดที่ปลอดภัยและยังไม่ถูกจับกุม อย่างที่เป็นข่าว ดังนั้นข่าวที่ออกมาจึงเป็นเพียงข่าวลือ และในช่วงเย็นนายขวัญชัยก็จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับการเคลื่อนขบวนและการปะทะให้พี่น้องเสื้อแดงได้ฟัง ในส่วนของจุดปะทะที่อนุสรณ์สถานฯ ดอนเมืองตนเชื่อว่าสถานการณ์ในวันนี้ยังไม่มีการสลายการชุมนุมในวันนี้ แต่จะเล่นสงครามประสาท และคาดว่าจะมีการเข้าสลายภายในช่วงเช้าของวันที่ 29 เม.ย. ขอเตือนศอฉ.อย่าบิดเบือนข่าว และอยากให้เสียงที่ประกาศนี้ได้ยินไปถึงคนเสื้อแดงทุกด่านได้เตรียมพร้อม พร้อมทั้งขอให้พี่น้องไหลรวมที่ราชประสงค์ให้มากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น