วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

HAPPY NEW YEAR 2012 SYDNEY AUSTRALIA



"สมเด็จพระเทพฯ" พระราชทานพรปีใหม่ 2555


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย พระราชดำเนินทรงบาตรพระภิกษุสงฆ์เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2555

วันนี้(30 ธันวาคม 2554) เวลา 7.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินมายังอาคารแพทยพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมีเลขาธิการสภากาชาดไทย เหรัญญิกสภากาชาดไทยและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เฝ้ารับเสด็จฯ จากนั้นทรงวางพุ่มดอกไม้ จุดรูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ต่อจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบาตรพระภิกษุสงฆ์เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรั­บปีใหม่ 2555 และเสด็จพระราชดำเนินปฏิสันถารกับคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสภากาชาดไทย และประชาชน

"ในหลวง" พระราชทานพรปีใหม่ 2555



ในหลวง" พระราชทานพรปีใหม่ ทรงยกเหตุอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่เตือนให้มีสติ เตรียมพร้อมกายใจเผชิญเหตุ อย่าประมาท

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ พ.ศ.2555 ความว่า ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอว ยพรแก่ท่านทุกๆ คน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมากที่ร่วมกันจัดงานฉลองอายุครบ ๗ รอบ ให้อย่างเหมาะสมงดงาม ระหว่างปีที่แล้ว เหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองนับว่าเป็นปรกติดี แต่พอเข้าปลายปี ก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบอันตรายและความเดือดร้อนลำบาก ความเสียหายครั้งนี้ดูจะร้ายแรงกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญ ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้หลายครั้งแล้วว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นจะต้องมีทุกข์มีภัย มีอุปสรรคผ่านเข้ามาเนืองๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปรกติสุขอย่างเดียวได้ ทุกคนจึงต้องเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อเผชิญและป้องกัน แก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนต่างๆ ด้วยความไม่ประมาทด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ประชาชนชาวไทยได้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดกำ กับอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใด ก็เร่งกระทำกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการณ์ทันเวลา ผลงานทั้งนั้น จะได้ส่งเสริมให้แต่ละคนประสบแต่ความสุขความเจริญ และทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงมั่นค งและก้าวหน้าต่อไปด้วยความผาสุก สวัสดี ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคน ให้มีความสุข ไม่มีทุกข์ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.ปีพุทธศักราช 2555 แก่ประชาชนชาวไทย โดยส.ค.ส.พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีพุทธศักราช 2555 นี้ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์สากลสีเทาลายริ้วสีอ่อน ปกด้านซ้าย ทรงประดับเข็มเครื่องหมายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิที่พระราชทานกำเนิดและทรงดำรงตำแหน่งพระบรมราชูปถัมภก ทรงผูกเนคไทสีแดงมีลวดลายสีทอง เข้าชุดกับผ้าปักพระกระเป๋า ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้าง มีโต๊ะกลม โต๊ะด้านขวาวางแจกันแก้วขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสี ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง คือ คุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาท หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย

ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับตกแต่งเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ ด้านซ้ายมีระแนงไม้สีขาว ประดับอักษรสีชมพู ข้อความภาษาไทยว่า สวัสดีปีใหม่ และข้อความภาษาอังกฤษว่า Happy New Year ด้านขวามีต้นสนประดับเครื่องตกแต่ง ฉากหลังเป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน ด้านซ้ายบนมีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับ ส่วนด้านขวามีผอบทองประดับ

ตรงกลาง ส.ค.ส.ด้านขวา มีข้อความจากบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ซึ่งเป็นคำตอบที่พระมหาชนกทรงตอบนางมณีเมขลาว่า "ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น" ทรงเตือนสติให้คนไทยทั้งหลายมีความเพียร เช่นเดียวกับพระมหาชนก ที่ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียร จนรอดชีวิต ประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากการกระทำไม่ได้เกิดจากแค่เพียงคิด

ตรงกลาง ส.ค.ส.ด้านซ้าย มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยสีชมพูขอบสีเหลืองว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ 2555 และข้อความภาษาอังกฤษพิมพ์ด้วยสีแดงขอบสีเหลืองว่า Happy New Year 2012

ด้านล่างของ ส.ค.ว.มุมล่างขวามีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 185029 ธค.54 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา พริ้นเทด แอ้ท เดอะ สุวรรณชาด , ดี.พรหมบุตร พับลิชเชอร์

กรอบของ ส.ค.ส.พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกัน ด้านซ้ายและด้านขวาเรียงกันด้านละ 3 แถว ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม


ภาพ สคส.พระราชทาน "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ"



ภาพ สคส.พระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฏราชกุมาร
ส.ค.ส.พระราชทาน พิมพ์ด้วยกระดาษสีเหลืองอ่อน มีทั้งหมด 4 หน้า หน้าแรก เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ม.ว.ก. ภายใต้พระอนุราชมงกุฎและตราจักรี ข้อความภาษาอังกฤษว่า Season"s Greetings and Best Wishes for a Very Happy New Year ลายพระนามาภิไธย และข้อความภาษาอังกฤษว่า From Their Royal Hignesses the Crown Prince and Princess of Thailand

หน้าที่ 2 เป็นพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงฉายร่วมกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

ส่วนหน้าที่ 3 เป็นพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงฉายร่วมกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ หน้าที่ 4 เป็นพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงฉายร่วมกับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

ร้อยรักร้อยดวงใจ เทิดไท้องค์ราชา



แผ่นดินทองรองเรืองดั่งเมืองฟ้า
พร้อมน้ำท่าพืชพันธุ์ตระการผล
เศรษฐกิจเพียงพอหล่อบันดล
ชุบชีพชนยากไร้ให้หยัดยืน

ด้วยพระบารมีจักรีวงศ์
จึ่งธำรงแดนทองทั่วแผ่นผืน
ยอกรเหนือเกศาขอบตารื้น
ด้วยเต็มตื้นตันใจ ยามเอ่ยพระนาม

ร้อยรักร้อยดวงใจไทยทั้งชาติ
เทิด ธ มหาราช ชาติสยาม
ทรงเป็นศูนย์รวมใจไทยทุกยาม
ถวายความภักดีเหนือชีวัน.


ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม
ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า

ผู้บริหาร เว็บไซต์ go6tv
ขอพระราชทานน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2555

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

น้องชาย "นายกฯตุ่น" ยื่นหนังสือสภาฯ คัดค้านให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง "สส.ครรชิต"


เมื่อเวลา 11.00 น. นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตส.ส.สมุทรสาคร พรรคเพื่อไทย น้องชายนายอุดรหรือนายกตุ่นที่ถูกสังหาร เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนฯ ผ่านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนฯ ขอคัดค้านการอนุญาตให้เอกสิทธิ์นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทร สาคร พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาสังหารนายอุดร เพราะผู้ต้องหาและครอบครัวมีพฤติการณ์ ยุ่งเหยิงกับพยาน ซึ่งการใช้เอกสิทธิ์ของส.ส.ควรใช้เฉพาะในการปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ใช้เอกสิทธิ์ในคดีอาญาร้ายแรง เพราะจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนฯในการอำนวยความยุติธรรมต่อประชาชน

ด้านนายวิสุทธิ์กล่าวว่า การจะให้เอกสิทธิ์คุ้ม ครองหรือไม่ เป็นดุลพินิจของสภา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีคดีอุกฉกรรจ์อย่างนี้มาก่อน จึงไม่ทราบว่าส.ส.แต่ละคนมีความเห็นอย่างไร ไม่รู้ว่าส.ส.จะลงมติให้ใช้เอกสิทธิ์หรือไม่

จากนั้น นายอุดมให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะพูดคุยกับส.ส.พรรคเพื่อไทยเพื่อไม่ให้เอกสิทธิ์นายครรชิต แต่เชื่อว่าส.ส.ได้ติดตามข่าวสารพอสมควร แทบจะไม่ต้องพูดคุยอะไรกันมาก เพราะกรณีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จ้างวาน ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์หลังจากศาลพิจารณาหลักฐานก็อนุมัติหมายจับทันที ส่วนที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีการรวบรวมหลักฐานเร็วผิดปกตินั้น ก็เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนกลางวัน ในสถานที่ไม่เปลี่ยว ไม่ได้มีการจ้างวาน ทำให้รวบรวมหลักฐานได้รวดเร็วกว่าคดีอื่นๆ

นายอุดมกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การอนุญาตให้ใช้เอกสิทธิ์หรือไม่ต้องดูจากความมุ่งหมายว่าเป็นการให้เอกสิทธิ์ส.ส.เพื่อการทำหน้าที่หรือไม่ ถ้าเป็นการทำหน้าที่ส.ส.ต้องได้รับการคุ้มครอง แต่กรณีนี้ถือเป็นการทำหน้าที่ของส.ส.หรือไม่ ตนเชื่อในจริยธรรมและดุลพินิจของส.ส.ในการทำหน้าที่ แม้ที่ผ่านมาสภาจะให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส.ทุกครั้ง แต่พฤติกรรมของส.ส.บางคนขณะนี้ไม่เหมือนในอดีต ฉะนั้นอะไรที่ไม่เคยเกิดก็อาจจะเกิดขึ้นได้

นายอุดมกล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนเป็นห่วงพยาน เพราะเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. เวลา 11.00 น. นายเอนก ทับสุวรรณ บิดานายครรชิต ได้ไปสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าของสถานที่มีความสนิทสนมส่วนตัวกับผู้ต้องหา ทำให้พยานจำนวนมากที่รู้เห็นเหตุการณ์มีความหวาดกลัวไม่กล้าเป็นพยาน ดังนั้นจะร้องขอตำรวจกองปราบปรามมาช่วยคุ้มครองพยาน เพราะผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และยังมีเครือข่ายในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการทำสำนวนสอบสวนด้วย

นายอุดมกล่าวว่า คดีนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการดำเนินคดี เพราะตำรวจที่ทำคดีนี้แต่งตั้งสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นคนของพรรคประชาธิปัตย์อย่ามากลัวจุดนี้ แต่เป็นพวกตนต่างหากที่ต้องกลัว อย่างไรก็ตามหากนายครรชิตได้เอกสิทธิ์คุ้มครองการดำเนินคดีก็ยืดยาวออกไป เกรงว่าพยานหลักฐานต่างๆ จะสูญหายไปด้วย เพราะขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมส่งอาวุธปืน และรถที่ก่อเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ หากบริสุทธิ์จริงจะกลัวอะไร

นายกฯยิ่งลักษณ์ ร่วมงานศพนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์




เวลา 19.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. ที่วัดเจษฎาราม พระอารามหลวง ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ "นายกตุ่น" นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร คืนที่ 4 โดยมีนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ อดีต รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บิดาของนายอุดรฯ , นางสุรัจจนา ไกรวัตนุสสรณ์ ภรรยาของนายอุดรฯ พร้อมครอบครัวให้การต้อนรับ


สำหรับในพิธีค่ำคืนนี้ก็มีผู้มาร่วมงานจำนวนมากกว่า 2,000 คน อาทิเช่น นายจตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย , นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.กระทรวงแรงงาน , นายวิทยา บูรณะสิริ รมว.สาธารณสุข , นายเจริญ จันทร์โกมล รองประธานสภาฯ เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นประธานในการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และร่วมรับฟังการสวดพระอภิธรรมศพของพระภิกษุสงฆ์จากวัดป้อมวิเชียรโชติการามจนจบพิธีการ และในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวทักทายพร้อมกับจับมือให้กำลังใจนางสุรัจจนา ไกรวัตนุสสรณ์ ภรรยาของนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ กับ ลูกชายน้องปิงปิง อายุ 9 ปี และน้องปริมอายุ 7 ปี อีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศ "คิม จอง อึน" ผู้นำคนใหม่


รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกให้การรับรองแก่คิม จอง อึน บุตรชายและทายาททางการเมืองของนายคิม จอง อิล อดีตผู้นำสูงสุดผู้ล่วงลับ ให้เป็นผู้นำสูงสุดคนใหม่ของประเทศ โดยเขาจะเป็นทั้งผู้นำเหล่าทัพ ผู้นำรัฐบาล และประชาชน

โดยนายคิม ยองนัม ประธานสภาสมัชชาประชาชนสูงสุด เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนที่มาชุมนุม บริเวณจตุรัสกลางกรุงเปียงยาง โดยยกย่องนายคิม จองอิล ว่า เป็นผู้สนับสนุนสันติภาพโลก และความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ขณะที่นายคิม จองอุน ยืนอยู่ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ผู้ทรงเกียรติ "สหายที่เคารพ คิม จองอุน คือผู้นำสูงสุดของพรรคและกองทัพ ผู้ซึ่งรับมอบจิตวิญญาณ บุคลิกภาพ คุณธรรม และความแข็งแกร่ง มาจากท่านคิม จองอิล"

เขายังกล่าวว่า กองทัพประชาชนจะขอรับใช้สหายคิม จองอุน ในฐานะประธานกองกำลังปฏิวัติ และจะยังคงรักษาและปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงตามนโยบายซอนกุน (Songun) ซึ่งเป็นนโยบายที่กล่าวไว้ว่า "ทหารมาเป็นอันดับแรก" ที่นายคิม จองอิล เคยให้คำมั่่นไว้ ทั้งนี้ "นโยบายซอนกุน" ถือว่าความเข้มแข็งของทหาร 1.2 ล้านนายในกองทัพ ต้องมาก่อนความกินดีอยู่ดีของพลเมือง

การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างพิธีไว้อาลัยในคิม จอง อิล ท่ามกลางประชาชนหลายแสนคน อย่างไรก็ดี ความเป็นผู้นำของนายคิม จอง อึน จะยังไม่มีผลโดยสมบูรณ์จนกว่าพรรครัฐบาล รัฐสภา และผู้แทนรัฐบาล จะจัดการประชุมเพื่อให้การรับรองการขึ้นดำรงตำแหน่งของนายคิม จอง อึน เสียก่อน

พิธีรำลึกในวันนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดการไว้อาลัยอย่างเป็นทางการตลอด 13 วันที่ผ่านมา หลังจากนายคิม จองอิล เสียชีวิตลงด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ขณะมีอายุได้ 69 ปี นอกจากนั้น ประชาชนทั่วเกาหลีเหนือจะยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 3 นาที ในเวลาเที่ยงตรงของวันนี้ ขณะที่เรือและรถไฟทั่วประเทศร่วมเปิดเสียงสัญญาณเพื่อแสดงการไว้อาลัยเช่นกัน

GO6TV เข้าอวยพรปีใหม่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงไอซีที





วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ผู้บริหารเว็บไซต์โกซิคทีวี เข้ากราบสวัสดีปีใหม่ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ท่านอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ที่กระทรวงไอซีที ถนนแจ้งวัฒนะ

ผู้บริหารเว็บไซต์ได้มอบของขวัญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พร้อมกล่าวขอบคุณที่ท่านรัฐมนตรีได้อนุเคราะห์มอบถ้วยรางวัลการแข่งขันฟุตบอลสานสัมพันธ์ครั้งที่ ๒ ที่สนามฟุตซอลบอยท่าพระจันทร์ และยังส่งทีมฟุตซอลร่วมแข่งขันในนามทีม ไอซีทีเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณท่านเนื่องจากกำลังวุ่นวายเรื่องน้ำท่วม

ท่านรัฐมนตรีมอบไดอารีเป็นของที่ระลึก กล่าวอวยพรทีมงานให้เว็บไซต์มีความเจริญก้าวหน้า และท่านยังให้เกียรติ เซ็นลายเซ็นบนภาพของท่านผ่านระบบคอมพิวเตอร์หน้าจอเว็บไซต์เป็นที่ระลึกด้วย

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คลิป "จตุจักรกลับไปสู่การรถไฟ" สู่อนาคตใหม่






CCTV แพร่คลิป "พระราชประวัติและสุสานพระบรมศพ" พระเจ้าตากสินในจีน


CCTV เผยแพร่พระราชประวัติ และสุสานพระบรมศพที่มณฑลกวางเจา ประเทศจีน และยกย่องท่านเป็น "มหาราชแห่งสยามประเทศ" ที่คนจีนภาคภูมิใจ

อิสรภาพ 5 วินาที "ตร.ประชาชื่น" อายัด "กี้ร์" ข้อหาหมิ่นฯ "ศิริโชค โสภา"


28 ธ.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.45 น. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ถูกปล่อยตัวยออกจากเรือนจำ โดยทันทีที่ก้าวพ้นประตูเรือนจำ นายอริสมันต์ ได้ก้มลงกราบเท้าบิดามารดา จากนั้นก็ได้อุ้มลูกสาวและโบกมือเป็นสัญลักษณ์ "ฉันรักเธอ" ให้กับผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่มารอรับประมาณ 100 คน โดย นายอริสมันต์ยิ้มและมีน้ำตาคลอเบ้า


จากนั้นตำรวจ สน.ประชาชื่นได้นำหมายมาอายัดตัวไปยัง สน.ประชาชื่น ในคดีหมิ่นประมาทนายศิริโชค โสภา ทั้งนี้ นายอริสมันต์ นั่งรถเบนซ์ของทนายความซึ่งมี ตร.คุมตัวออกจากเรือนจำ และมีรถตำรวจปิดหัวปิดท้ายขบวน และเมื่อถึงหน้าเรือนจำก็หยุดให้ นายอริสมันต์ คุยกับ น.พเหวง โตจิราการ และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ โดยด้านหน้าเรือนจำมีรถของคนเสื้อแดงติดเครื่อขยายเสียงเปิดบทสัมภาษณ์ของ นายอริสมันต์ ที่เคยให้สัมภาษณ์ในวันที่เดินทางเข้ามอบตัว

จากนั้น เพื่อเป็นการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มวลชนติดตามไปยัง สน.ประชาชื่นมากนัก จากนั้นกลุ่มชมรมวิทยุเสื้อแดงได้นำเครื่องขยายเสียงมาให้ นายอริสมันต์พูดกับผู้ชุมนุมว่า การปล่อยต้องขอบคุณผู้พิพากษา พี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจ ตนเป็นผู้ชายที่อยากให้ประเทศมีความสุขมีประชาธิปไตย เราได้เรียนธรรมะ รู้ธรรมะและเห็นธรรมะ แล้วว่าบ้านเมืองจะสงบสุขได้ต้องมีคำว่า ให้อภัยและขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนจากนั้นเคลื่อนขบวนไปยัง สน. ประชาชื่น และมีคนเสื้อแดงก็ได้กระโดดขึ้นรถตำรวจเดินทางไปดูด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นปช. ได้เตรียมความพร้อม เรื่องตั๋วเครื่องบินให้ นายอริสมันต์ เพื่อเดินทางไปรายงานตัวตามหมายจับและยื่นประกันต่อศาลในคดีหมิ่นประมาทนายศิริโชค โสภา ที่ศาลจังหวัดสงขลา

คุก "ขวัญชัย" 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา


อุดรธานี - ศาลจังหวัดอุดรธานี พิพากษาสั่งจำคุก ขวัญชัยประธานชมรมคนรักอุดรคดีพาพวกรุมทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หนองประจักษ์ เป็นเวลา 4 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ปรับ 350,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ตั้งแต่วันเกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีดำ หมายเลข 2149/2551 กรณีคดีเกิดเหตุทำร้ายร่างกายระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มชมรมคนรักอุดร ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันทำลายทรัพย์สิน โดยมีนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร หรือกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรธานี

ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณายกฟ้องข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า และร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แล้วตัดสินพิจารณาคดีร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน โดยคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย 4 ปี ไม่รอลงอาญา

ทั้งนี้ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือ 2 ปี 8 เดือน ปรับ 350,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ

ภายหลังอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ นายขวัญชัยได้ใช้หลักทรัพย์จำนวน 200,000 บาทประกันตัวออกไป โดยยื่นขออุทธรณ์ต่อศาลต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทนายความฝ่ายโจทก์เปิดเผยว่า การยื่นคัดค้านคำอุทธรณ์ของนายขวัญชัย หรือไม่นั้นจะต้องปรึกษาหารือกันก่อน

"ศาลอุทธรณ์" ปล่อย "กี้-อริสมันต์" ประกัน 6 ล้านห้ามบินนอก



เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวของศาลอุทธรณ์ในคดีที่ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย โดยได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา ในชั้นนี้จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยโดยตีราคาประกันจำนวน 6 ล้านบาท ทั้งนี้ห้ามจำเลยออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามมิให้จำเลยกระทำการใด ๆ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย หรือก่อความไม่สงบในบ้านเมือง

คลิปขบวน "พิธีบรรจุศพ คิม จอง อิล" ที่กรุงเปียงยางวันนี้

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สื่อฯเกาหลีเหนือประโคม "ปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาติ" อวย "คิม จอง อิล"


สื่อของเกาหลีเหนือยังคงรายงานปรากฏการณ์ที่เหนือธรรมชาติหลังการอสัญกรรมของนายคิม จอง-อิล ล่าสุดวิทยุเปียงยางรายงานว่า ธรรมชาติยังไม่คลายความโศกเศร้าต่อการจากไปของท่านผู้นำ โดยรายงานนกสีขาวตัวหนึ่งขนาดใหญ่กว่านกเขา แสดงพฤติกรรมเหมือนการปัดกวาดเศษหิมะออกจากไหล่รูปปั้นของนายคิม จอง-อิล

วิทยุเปียงยางระบุว่า พฤติกรรมของนกตัวนี้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนสร้างความสะเทือนใจต่อผู้คนจำนวนมากที่ได้ยินเรื่องราวผ่านสื่อ ขณะที่หนังสือพิมพ์โรดง ซินมุน ฉบับวานนี้รายงานว่า นกเค้าแมวร่วมแสดงความเศร้าโศกโดยบินผ่านสถานที่ที่ประชาชนจำนวนมากมาชุมนุมไว้อาลัยต่อผู้นำอันเป็นที่รัก

ด้านสำนักข่าวเคอาร์ซี แสดงภาพของนกกางเขนหลายสิบตัวเกาะอยู่บนต้นไม้ในอาการนิ่งสงบ ใกล้กับอนุสรณ์สถานของนายคิม อิลซุงที่เมืองอุนซาน โดยประชาชนในแถบนั้นกล่าวว่า นกกลุ่มดังกล่าวบินมายังต้นไม้เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. เกาะอยู่ที่นั่นตลอดเวลาไม่ไปไหนแม้ชาวบ้านจะเข้าไปใกล้ หรือใช้ไฟฉายส่อง ก่อนที่จะบินไปยังทิศทางกรุงเปียงยางในวันรุ่งขึ้น

สื่อและหน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือพยายามสร้างลัทธิบูชาผู้นำให้กับตระกูลคิม ซึ่งปกครองประเทศอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2491 การรายงานข่าวบางครั้งให้ความสำคัญกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่เกิดกับบุคคลในตระกูลนี้ราวกับเป็นผู้วิเศษ

ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวเคซีเอ็นเอรายงานกรณีของนกกระเรียนพันธุ์แมนจูเรียนบินรอบอนุสาวรีย์ของนายคิม อิลซุง ถึง 3 รอบ ก่อนที่จะบินถลาลงบนต้นไม้และยืนโค้งคำนับ ก่อนที่จะบินมุ่งหน้าไปยังกรุงเปียงยาง

นอกจากนั้น ยังเกิดเหตุแผ่นน้ำแข็งในทะเลสาบชอนบนภูเขาแพ๊กตูแตกดังสนั่น ขณะที่เกิดพายุหิมะและลมแรงในบริเวณดังกล่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในเวลาเดียวกับที่เขาสิ้นใจ ก่อนที่จะหยุดอย่างกระทันหันในช่วงเช้าวันอังคารที่แล้ว ก่อนที่พระอาทิตย์จะโผล่ขึ้นบนของฟ้าและยอดเขา จนเกิดประกายแสงแวววาวอีกด้วย พร้อมปรากฏข้อความจารึกบนยอดเขาที่อ่านได้ว่า "ยอดเขาแพ็กตู ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งการปฏิวัติ คิมจองอิล ส่องสว่างเป็นประกาย" ที่ปรากฏอยู่กระทั่งเย็นวันเดียวกัน ทั้งนี้ ภูเขาแพ๊กตู เป็นสถานที่ที่เชื่อกันว่าเป็นที่กำเนิดของของคิม จอง-อิล เมื่อปี 1942

มอบภาพ! "น้องกมนเกดคู่เสธ.แดง" เป็นของขวัญปีใหม่ "กรรมการสิทธิ์"



นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของนางสาวกมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาลที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ช่วงสลายการชุมนุมแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 พร้อมญาติผู้เสียชีวิตรวมกว่า 10 คน เข้ามอบของขวัญปีใหม่ 2555 ให้กับศาสตราจารย์อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. ภายในศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ


เนื่องจากคณะกรรมการสิทธิฯ ดำเนินการตรวจสอบกรณี 91 ศพล่าช้า อีกทั้งไม่เคยแจ้งความคืบหน้าตามที่เคยให้สัญญาไว้ ต่างกับกรณีน้ำท่วมในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิฯ มีความกระตือรือล้นที่จะดำเนินการฟ้องร้องรัฐบาลมากกว่า


ของขวัญปีใหม่ของญาติผู้เสียชีวิต 91ศพ ที่นำมามอบให้ในวันนี้ เป็นภาพถ่ายระหว่าง นางสาวกมนเกด อัคฮาด กับพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ซึ่งภาพนี้ถ่ายไว้ก่อน เสธ.แดง เสียชีวิตเพียง 2วัน โดยนางพะเยาว์ บอกว่า ต้องการให้ ศาสตราจารย์อมรา นำภาพถ่ายไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อให้ระลึกเสมอว่า ยังมีผู้เสียชีวิตและญาติอีกจำนวนมาก ที่กำลังรอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการสิทธิฯ มานานกว่า 1ปี 7 เดือนแล้ว


ขณะที่ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิฯ ดำเนินการเต็มที่มาโดยตลอด แต่สาเหตุของความล่าช้าเกิดขึ้นจากการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ส่งเอกสารการสอบปากคำพยานมาให้ตามการร้องขอ จึงทำให้ต้องเสียเวลารอคอย และต้องหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ มาทดแทน

พร้อมย้ำว่า ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2555 จะแถลงข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณี 91ศพ ให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบอย่างแน่นอน เนื่องจากเข้าใจว่า ญาติผู้เสียชีวิตทุกคนเ กิดความทุกข์ที่ต้องรอคอยผลสอบเป็นเวลานาน

"นิพิฎฐ์" พา "ครรชิต" เข้ามอบตัวต่อ "ผบช.ภ.7" ลั่น "เป็นมีเอกสิทธิ์คุ้มครองห้ามขัง"









วันที่ 27 ธ.ค. 2554 เวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าว


โดยนายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ตนในฐานะทนายความ ได้รับการประสานจากนายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สุมทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกศาลสมุทรสาครออกหมายจับ กรณีถูกกล่าวหาว่าคือมือสังหารนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกฯอบจ.สมุทรสาคร โดยตนได้แนะนำว่า ให้นายครรชิตเข้ามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะเบื้องต้น นายครรชิตได้ปฎิเสธว่า ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และไม่มีเจตนาหลบหนี เพราะหลังมีข่าวนายอุดรถูกสังหาร นายครรชิตก็ติดต่อตนตามปกติ จึงได้นัดเข้ามอบตัวกับพล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) ในเวลา 13.30 น. ซึ่งตนจะเป็นผู้พาไปมอบตัวในฐานะทนาย โดยตนรับขั้นตอนในการมอบตัวเท่านั้น ส่วนในการต่อสู้คดดี นายครรชิตจะมอบให้ทนายความคนอื่นดำเนินการต่อไป

“ความจริงนายครรชิตไม่ต้องเข้ามอบตัวก็ได้ เพราะช่วงนี้มีพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมสภาอยู่แล้ว นายครรชิตจึงมีเอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครอง แต่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงเข้ามอบตัว โดยจะปฏิเสธข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีต่อไป ยืนยันว่าการกระทำของผม ที่พานายครรชิตเข้ามอบตัว ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นเพราะผมมีความสนิทสนมกับนายครรชิตเป็นการส่วนตัว จึงมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ทราบเรื่องนี้”นายนิพิฎฐ์กล่าวและว่า ส่วนขั้นตอนในการสู้คดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจทำหนังสือขอตัวต่อสภาฯ ในการนำตัวนายครรชิตไปดำเนินคดีนั้น ตนก็ไม่แน่ใจว่าสภาฯจะให้เอกสิทธิอ์ค้มครองหรือไม่

เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่ามีหลักฐานและพยานยืนยันชัดว่านายครรชิตเป็นผู้กระทำการ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เป็นการอ้างไป ถ้ามีก็ให้เอาออกมาดู เอาไปสู้กันในชั้นศาล และเท่าที่ตนฟังนายครรชิต ตนก็มั่นใจว่านายครรชิตไม่ได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหา เพราะไม่มีเหตุผลใดที่นายครรชิตจะโกหกตน

ศาลยกฟ้อง! คดีเสื้อแดงวางบึ้ม Big-C ราชดำริ


เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเสกสรรค์ วรปีติเจริญกุล อายุ 37 ปี อดีตแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย และ พ.ร.บ.อาวุธปืน จากกรณีระหว่างปลายเดือน เมษายน-14 พฤษภาคม ปี 2553 โดยจำเลยถูกกล่าวหาว่า ร่วมกับพวก ครอบครองระเบิดในรถยนต์ซีวิค ที่จอดทิ้งไว้ ในพื้นที่ สน.โคกคาม ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ


ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จำเลยจะขับรถมารับเพื่อน ซึ่งเป็นแนวร่วม นปช.ในการไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง แต่ก็เป็นเพียงอุดมการณ์ทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งโจทก์ไม่ได้นำเสนอให้เห็นว่า จำเลยร่วมชุมนุมกับพวก นปช. โดยใช้อาวุธ และโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันได้ว่า จำเลยร่วมครอบครองวัตถุระเบิดจำนวนดังกล่าวพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

GO6TV กราบขอพรปีใหม่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีศึกษาฯ



ทีมงาน go6tv เข้ากราบสวัสดีปีใหม่ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๕

ทั้งนี้ ดร.วิบูลย์ได้กล่าวชมเชยการทำงานของเว็บไซต์ โกซิคทีวี ที่นำเสนอข่าวสารของพี่น้องเสื้อแดงมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และอวยพรให้เว็บไซต์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นต่อไป

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คลิปปั้มน้ำมัน ยิงเผาขน อุดร ไกรวัตนุสสรณ์


นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร และประธานสโมสรสมุทรสาคร เอฟ.ซี. ถูกคนร้ายขับรถปิคอัพบุกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ บริเวณอ่างล้างหน้าห้องน้ำชาย ปั้มน้ำมัน ปตท.รุ่งสาครปิโตรเลียม ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขามหาชัย เลขที่ 94/1012 หมู่ที่ 7 ถนนเศรษฐกิจ ต.ท่าทราย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร หลังทำกิจธุระส่วนตัว ก่อนที่คนร้ายจะขับรถกระบะหลบหนีไป

ขอขอบคุณคลิปจาก www.sakhononline.com

หมายจับ "สส.ครรชิต ทับสุวรรณ" พรรคประชาธิปัตย์ฆ่า อบจ.สมุทรสาคร


วันนี้ ( 26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคนร้ายสวมชุดซาฟารีจ่อยิงนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร ลูกชาย นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ หรือเฮียม้อ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส.ส.หลายสมัย พรรคเพื่อไทย ที่บริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. กม.2 ถนนเศรษฐกิจ หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เสียชีวิตคาที่ก่อนที่จะเดินขึ้นรถกระบะปิคอัพ แค๊ป ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.54

ล่าสุด พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผบช.ภ.7 พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร รองผบช.ภ.7 เดินทางมาที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครเพื่อติดตามเร่งรัดคดียิงนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกอบจ.สมุทรสาคร โดยมีพล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ชุมพล ฉันทะจำรัสศิลป์ รองผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ชัยชาญ ปุระธนานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาครพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 ชุดสืบสวนภ.จว.สมุทรสาคร และชุดสืบสวนสภ.เมืองสมุทรสาครเข้าร่วมประชุมโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการประชุมฯ

รายงานข่าวแจ้งว่าในที่ประชุมฯได้มีการนำรูปและภาพสเกตส์ของผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นมือปืนที่สังหารนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ หรือนายกตุ่น นายก อบจ.สมุทรสาครที่ได้จากพยานพร้อมกับรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมที่จะเสนอออกหมายจับบุคคลต้องสงสัยรายนี้แล้ว จากนั้น ผบช.ภ.7 ได้เดินทางไปดูยังจุดเกิดเหตุที่บริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมัน โดยมีประชาชนที่สนใจในคดีนี้มามุงดูกันเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัดบนถนนเศรษฐกิจ

ทางด้านพล.ต.ท.หาญพล เปิดเผยภายหลังตรวจดูจุดเกิดเหตุแล้วว่า ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ได้กระชับวงแคบแล้วจนถึงขั้นว่าภายใน 24 ชั่วโมงจะออกหมายแล้วจับผู้ต้องสงสัยได้ จากหัวกระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุพอที่จะมั่นใจได้ถึง80% ในการออกหมายจับผู้ต้องสงสัย สำหรับอาวุธปืนที่คนร้ายใช้เป็นปืนออโตเมติก 12 นัด กระสุนปืนขนาด.40 เป็นขนาดหน้าตัดใหญ่กว่าขนาด 9 ม.ม. เป็นปืนที่นายทะเบียนสามารถอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปครอบครองได้ ซื้อหาได้ตามร้านค้าอาวุธปืนทั่วไป เป็นปืนสวัสดิการ ไม่ใช่อาวุธปืนต้องห้ามแต่อย่างใดซึ่งปืนขนาดดังกล่าวขณะนี้เป็นที่นิยมกันมาก

เมื่อถามว่า สาเหตุของปมสังหารนายก อบจ.มาจากสาเหตุใด ผบช.ภ.7 ตอบว่า ดูจากหลักฐานต่างๆประกอบแล้วน่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว ไม่ใช่ปัญหาการเมืองมีเพียงคนร้ายและคนตายเท่านั้นที่รู้ ญาติอาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้ ซึ่งขณะนี้คนร้ายก็ได้หลบหนีอยู่ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการติดต่อหรือต่อรองจากผู้ต้องสงสัยเข้ามาบ้างหรือไม่ ข่าวว่ามือปืนหลบหนีไปกับนักการเมืองใหญ่ และหนักใจเกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ พล.ต.ท.หาญพล กล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาหรือต่อรองอะไร ถ้าจะเข้ามอบตัวก็มามอบตัวไม่มีการต่อรอง และคดีนี้ไม่หนักใจเพราะคดีนั้นชัดเจนอยู่แล้ว

ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจจุดเกิดเหตุนั้นก็เพื่อที่จะไปทบทวนที่เกิดเหตุและดูระยะทาง ซึ่งในกรณีได้ตัวคนร้ายมาจะได้ไม่ผิดพลาดในเรื่องการทำสำนวนสอบสวน เพราะขณะนี้เรามีพยานบุคคล วัตถุพยานคือปลอกกระสุน และกล้องวงจรปิด ส่วนคนร้ายน่าจะมี 1 คนและคาดว่าไม่ใช่มือปืน ส่วนในการที่คนร้ายตามมายิงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมไปว่าสะกดรอยตามมาหรือไม่ อาจเป็นสาเหตุบังเอิญมาเจอกันและเกิดอารมณ์ชั่ววูบก็เป็นได้ซึ่งทั้งหมดยังตอบไม่ได้รอให้ได้ตัวก่อน ขณะได้แบ่งชุดออกเป็น 2 ชุดคือเจ้าหน้าที่ชุดสืบ ภาค7 ดูเรื่องระบบเทคโนโลยี ตรวจสอบกล้องจรปิดเส้นทางการเดินทางของผู้ตายว่ามีรถต้องสงสัยติดตามรถของผู้ตายในช่วงไหน ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจังหวัดสมุทรสาครไปสืบหาข้อมูลและสาเหตุโดยการสอบปากคำญาติ พี่น้อง และมั่นใจว่าได้ตัวบุคคลต้องสงสัยได้อย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สอบสวนหาข้อมูลต่างๆแล้ว ได้นำสำนวนคดีให้ศาลจังหวัดสมุทรสาครออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุยิงนายอุดร คือ นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ โดยศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานต่างๆแล้ว อนุมัติหมายจับเป็นที่เรียบร้อย เลขที่ จ.454/2554 ลงวันที่ 26 ธ.ค.2554 ข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ซึ่งกำลังตำรวจกำลังอกไล่ล่าคนร้ายรายนี้แล้ว

ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ นายกมล ไกรวัตนุสสรณ์ อายุ55 ปี ญาติของ นายอุดร ที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงจนเสียชีวิต เดินทางเข้ารับศพนายอุดร ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดสมุทรสาคร ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสร้อย

โดยนายกมล กล่าวว่า ผลการชันสูตรของแพทย์ระบุว่า นายอุดร เสียชีวิตเนืองจากกระสุนปืนทำลายสมอง ส่วนการเรียกเข้าให้ปากคำนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการติดต่อมา ส่วนปมสังหารที่เจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นไปที่เรื่องแค้นส่วนตัวนั้น ตนไม่ขอออกความคิดเห็น แต่อุปนิสัยส่วนตัวของนายอุดรนั้นเป็นคนอัธยาสัยดี มีแต่คนรัก และไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับใคร อย่างไรก็ตาม จะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเจสดาราม ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตั้งเเต่วันนี้จนถึงวันที่31ธ.ค.นี้

ด้านพล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า โดยอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้แม้จะออกหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการจับกุมนายครรชิตได้ เนื่องจากเป็น ส.ส. อยู่ในระหว่างสมัยการประชุมสภา ทำให้มีเอกสิทธิ์คุ้มครองอยู่ แต่ทั้งนี้ก็จะได้ประสานไปยังรัฐสภาเพื่อให้ใช้อำนาจในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ลือชื่อย่อ "ค" สส.ปชป. คนยิง อบจ.สมุทรสาครตายคาปั้มฯ




26 ธ.ค.54 พล.ต.ท.หาญพล นิจวิบูลย์ ผบช.ภ.7 ,พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร รองผบช.ภ.7 ,พล.ต.ต. โสภณ พิสุทธิวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 ร่วมกับ,พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินสร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.จำแลง สุขใจ ผกก.เมืองสมุทรสาคร, พ.ต.ท.ปรีดา อิ่มเจริญ รองผกก.สส.ภ.7 ,เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธรภาค7 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าประชุมหารือเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและรายงานผลความคืบหน้าของการสืบสวนติดตามมือยิงนายกอบจ. พร้อมทั้งสืบสวนหาประเด็นการสังหารโหดครั้งนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปยังที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาร่องรอยและวิธีการเข้าหาเหยื่อก่อนสังหารโหดและเส้นทางในการหลบหนี


พล.ต.ท.หาญพล กล่าวว่า การออกหมายจับในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานพร้อม จึงไม่มีความน่าเป็นห่วงถึงแม้ว่ามือยิงจะเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองก็ตาม โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายจับแล้ว คาดว่าเย็นนี้ก็คงจะเรียบร้อย ส่วนมือยิงนั้นขณะนี้ทราบว่าไเป็นนักการเมืองใหญ่ของจังหวัดสมุทรสาคร หลังเกิดเหตุได้ออกจากพื้นที่ไปแล้ว แต่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังติดตามอยู่ ถ้าสามารถรู้แหล่งที่กบดานก็จะเข้าทำการจับกุมทันที โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเป็นใครใหญ่โตแค่ไหน เพราะคดีนี้เราต้องทำอย่างรอบคอบและมีพยานหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนาแล้วถึงได้ขออนุมัติออกหมายจับ จึงไม่เป็นการหนักใจแต่อย่างใดในการทำคดีนี้

ผบช.ภ.7 ยังกล่าวต่ออีกว่า ประเด็นการสังหารในครั้งนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวที่ผู้ตายและมือยิง เป็นนักการเมืองที่อยู่กันคนละขั้ว โดยผู้ตายจะอยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทย ส่วนมือยิงสังกัดอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเจอหน้ากันก็จะมีการพูดจากระทบกระทั่งกันเรื่อยมา จนกลายเป็นการชนวนเหตุของความแค้นเคืองที่ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งมาพบจุดจบดังกล่าว

สำหรับการจับกุมมือปืนรายนี้ หลังจากที่หมายจับออกมาแล้วก็คงต้องนำเสนอต่อประธานสภาฯเพื่อพิจารณา เนื่องจากมือปืนเป็นนักการเมืองระดับประเทศมีเอกสิทธิ์ในการคุ้มครอง จึงต้องมีพิธีการหลายขั้นตอน