วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556
(go6TV) -
ศาลอาญากรุงเทพใต้ เบิกตัว ทหารรบพิเศษ 3
ที่ประจำการบนรางรถไฟฟ้าสยามสแควร์ 3 นาย ขึ้นไต่สวนการตาย 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม ช่วง ศอฉ.กระชับพื้นที่ปี 2553 รับยิงปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ
2 ใช้กระสุนจริงเข้าไปในวัด เพื่อสกัดชายชุดดำที่มีอาวุธ
แม้จะรู้ว่ามีผู้ชุมนุมอยู่ในนั้น
คำเบิกความของพันโทนิมิตร วีระพงศ์
อดีตหัวหน้าชุดทหารรบพิเศษ ที่ปฏิบัติการบนรางรถไฟฟ้าสถานีสยาม ระหว่างวันที่ 18 และ 19 พฤษภาคม
2553 ช่วงปฏิบัติการกระชับพื้นที่ผู้ชุมนุมของ ศอฉ.
ซึ่งเขายอมรับว่า ทหารบนรางรถไฟฟ้ายิงปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 2 ใช้กระสุน
เอ็ม 855 หรือขนาด 5.56
เข้าไปในวัดปทุมวนาราม เป็นการคุ้มกันทหารจากกองพันทหาราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่ บนถนนพระรามที่ 1 ใต้รางรถไฟฟ้า แม้จะรู้ดีว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ภายในวัด
การยอมรับว่า
ใช้กระสุนปืนจริงและยิงเข้าไปในวัด ของหัวหน้าชุดปฏิบัติการ
ในการไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตของ นายสุวัน ศรีรักษา ,
นายอัฐชัย ชุมจันทร์ ,
นายมงคล เข็มทอง , นายรพ สุขสถิต ,
นางสาวกมนเกด อัคฮาด
และนายอัครเดช ขันแก้ว ผู้เสียชีวิตที่ 6
ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ของศอฉ. อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เบิกตัว พันโทนิมิตร , จ่าสิบเอกสมยศ ร่มจำปา
และสิบเอกเดชาธร มาขุนทด ทหารจากกองพันชุดจู่โจม รบพิเศษ 3
ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี
ซึ่งวันเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่บนรางไฟฟ้าฟ้าและมีภาพปรากฏในคลิปหลักฐาน
พันโทนิมิตร ยืนยันว่า
ทหารรบพิเศษ 3 ชุดที่ประจำบนรางรถไฟฟ้า
ล้วนมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธสงครามและรบในเมือง
ก่อนเข้าร่วมปฏิบัติการกับ ศอฉ. ได้ผ่านการฝึกควบคุมฝูงชน และได้ปฏิบัติการตามกฎการใช้กำลังจากเบาไปหาหนัก
โดยหลังเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนซึ่งมีทหารเสียชีวิตที่บริเวณ 4 แยกคอกวัว ทำให้ ศอฉ. อนุญาตให้ทหารใช้กระสุนจริงโต้ตอบ
สอดคล้องกับคำให้การของจ่าสิบเอกสมยศ
ซึ่งวันนั้นเขารับหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการบนรางรถไฟฟ้า คุมกำลัง 5 นาย รับว่า เขาและลูกน้องยิงตอบโต้ชายชุดดำ
ผ่านช่องว่างที่กำบังรางรถไฟฟ้าลงไปที่บริเวณกำแพงวัด หลังรับแจ้งผ่านวิทยุว่า
มีชายชุดดำ 4
คนยิงปืนใส่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณนั้นแล้วหลบเข้าไปภายในวัด
คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไต่สวนทุกวันพฤหัสบดีไปจนถึงวันที่
18
กรกฎาคม และจะมีคำสั่งในคดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น