เปิดตัวลุงรถตู้"สมร ไหมทอง" เหยื่อปืนเจ้าหน้าที่ พยานคดียิง"พัน คำกอง" แฉนาทีโดนถล่ม ขณะขับกลับบ้านผ่านราชปรารภ จู่ๆ เจ้าหน้าที่ 2 ฝั่งถนน ยิงรัวใส่รถพรุน คมกระสุนเจาะร่าง 5 นัดจมเลือดปางตาย ซ้ำยังถูกถาม "พวกมึงมี กี่คน" จับผูกตา ลากขึ้นรถยีเอ็มซี เห็นมีศพเด็กอยู่ในรถด้วย ก่อนจนท.มูลนิธินำส่งร.พ. หมดค่ารักษาไปหลายแสน ทุกวันนี้เหมือนคนพิการ ปอด-ไตทำงานไม่ปกติ นั่งนานๆ ไม่ได้ ยังไม่ได้รับเยียวยา วอนรัฐบาลช่วยด่วน ยืนยันไม่ใช่ผู้ชุมนุม หรือผู้ก่อการร้าย จี้รัฐบาลอภิสิทธิ์รับผิดชอบ ด้าน "สุพร-แรมโบ้" แกนนำนปช. ร่วมเฉ่งรายงานคอป. โวยสร้างความแตกแยก
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 39/73 หมู่บ้านอรุณวรรณ 2 ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงวัชรพล เขตสายไหม กทม. เป็นบ้านพักของนายสมร ไหมทอง อายุ 54 ปี คนขับรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงถล่มใส่รถตู้ ที่สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ ถนนราชปรารภ ในเหตุการณ์กระชับพื้นที่เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 และกระสุนของเจ้าหน้าที่ยังไปถูกนายพัน คำกอง ชาวจ.ยโสธร คนขับรถแท็กซี่เสียชีวิต ส่วนนายสมรก็ถูกยิงเช่นกัน กระสุนเข้าตามลำตัว 5 นัด บาดเจ็บสาหัส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันนายสมรยังคงพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านอรุณวรรณกับภรรยาและลูก รวม 4 คน แต่ยังคงมีอาการเจ็บปวดบริเวณบาดแผลที่ถูกยิง ไม่สามารถนั่งนานๆ ได้ จากการสังเกตพบว่ายังมีสีหน้าหวาด ระแวงตลอดเวลา บางครั้งก็มีอาการลืมเลือน จำเลขที่บ้านได้บ้างไม่ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม นายสมรยังคงยึดอาชีพขับรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวเหมือนเดิม แต่วิ่งระยะทางใกล้ๆ เท่านั้น เพราะนั่งขับรถนานๆ ไม่ได้ เป็นรถตู้ของญาติที่ส่งมาให้ใช้ ส่วนคันเก่าที่ถูกยิง นายสมรซ่อมแซมรูกระสุนรอบคัน หมดเงินไปกว่า 300,000 บาท ก่อนจะขายให้เต็นท์รถไปในราคา 700,000 บาท
นายสมรกล่าวว่า อาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้น แม้จะผ่านมากว่า 2 ปีแล้วก็ตาม เพราะกระสุนทั้ง 5 นัด ถูกอวัยวะสำคัญในร่างกาย ทั้งปอดและไต ไม่สามารถนั่งขับรถตู้นานๆ ได้เหมือนแต่ก่อนเพราะจะปวดท้อง และยังต้องไปคลินิกเพื่อให้แพทย์ตรวจบาดแผลบริเวณหน้าท้องเกือบทุกสัปดาห์ เสียค่าใช้จ่ายเอง บัตรประกันสังคมไม่สามารถใช้ได้ เคยได้รับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาแล้วจำนวนหนึ่ง เงินที่ได้ส่วนใหญ่ก็เป็นค่ายา อีกทั้งยาบางชนิดมีราคาสูงมาก จึงขอเรียกร้องรัฐบาลช่วยเข้ามาดูแลตนและครอบครัวด้วย เพราะขณะนี้ไม่สามารถทำงานหนักได้เหมือนแต่ก่อน
คนขับรถตู้เหยื่อปืนกล่าวถึงนาทีเจ้าหน้าที่ยิงถล่มรถตู้ว่า ก่อนเกิดเหตุเวลา 22.30 น. วันที่ 14 พ.ค.2553 ขับรถตู้ออกจากบ้านพักย่านวัชรพล เพื่อไปรับนักท่องเที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิ และพาไปส่งที่โรงแรมเชอราตัน ย่านสุขุมวิท ไปถึงโรงแรมเที่ยงคืนกว่า เนื่องจากถนนหลายสายถูกปิด หลังจากส่งแขกเข้าโรงแรมแล้ว ก็ขับรถกลับบ้านทันที ช่วงนั้นสถานการณ์การชุมนุมยังไม่รุนแรงมากนัก แต่เห็นกลุ่มทหารยืนประจำการตามจุดต่างๆ และก็ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
นายสมรกล่าวว่า จนกระทั่งตนขับรถตู้มาถึงถนนราชปรารภ บริเวณใต้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ เห็นทหารกลุ่มใหญ่ยืนถือปืนอยู่ 2 ข้างทาง ก็คิดว่าไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะหากมีเหตุเขาคงปิดถนนไม่ให้เข้า พอรถวิ่งผ่านมาถึงทหารกลุ่มนี้ ก็ได้ยินเสียงปืนกลรัวยิงมาจากด้านหลังรถก่อน และตามมาด้วยด้านข้างรถทั้ง 2 ฝั่ง กระจกทุกบานแตกละเอียด ยางแตกทั้ง 4 ล้อ กระสุนได้ถูกตามร่างกายตนหลายนัดจนเลือดนองพื้น ขณะนั้นผมหาทางเอาชีวิตรอด โดยทิ้งพวงมาลัยรถ และปีนข้ามไปหลบอยู่ใต้คอนโซนบริเวณเบาะที่นั่งผู้โดยสารกลางรถ กระสุนจำนวนมากว่อนผ่านเข้ามาในรถเฉียดหัวไปมา นานกว่า 10 นาที เสียงปืนจึงเงียบลง
"ต่อมาทหารเข้ามาเคลียร์รถ โดยใช้ด้ามปืนทุบกระจกปลดล็อกประตู ผมนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นรถ ทหารจับคอเสื้อผมดึงขึ้นมาถามว่า พวกมึงมีกี่คน ผมพูดไม่ได้เพราะถูกยิงสาหัส ทหารที่เข้ามาถามนั้นพูดภาษาเขมร ผมฟังออกเพราะเป็นคนสุรินทร์ จากนั้นถูกลากตัวไปขังไว้ที่ท้ายรถทหารยีเอ็มซี ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ เอาผ้าผูกตา และพันบาดแผลที่หน้าท้องไว้ไม่ให้เลือดออก ก่อนจะปล่อยทิ้งไว้ท้ายรถทหาร โดยดึงผ้าใบรถลงมาปิดท้าย ภายในรถขณะนั้นมองเห็นมีศพเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ด้วย จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเข้ามาช่วยชีวิต โดยปีนท้ายรถทหารขึ้นมาจับชีพจร และตะโกนบอกเพื่อนว่ายังไม่ตาย จึงรีบนำส่งร.พ.พญาไท" นายสมร กล่าว
เหยื่อปืนเจ้าหน้าที่กล่าวอีกว่า แพทย์ผ่าตัดเอากระสุนออกจากร่างกาย รวม 5 นัด อยู่ร.พ.พญาไท 5 วัน ก็ย้ายมาพักฟื้นที่ร.พ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น อีก 20 วัน ต้องจ่ายค่าห้องและค่ายาเองหมดไปกว่า 200,000 บาท แต่ใบรับรองแพทย์ระบุว่าบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ถึง 20 วัน ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ไม่สามารถนำใบรับรองไปเรียกร้องจากหน่วยงานราชการหรือรัฐบาลได้จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น จึงขอฝากเรียกร้องผ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสด ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงยุติธรรม ช่วยส่งทนายความมา ให้ความช่วยเหลือเรื่องคดีความของตนด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะฟ้องร้องกับใครบ้าง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันได้ว่าไม่ใช่ผู้ชุมนุมหรือบุคคลต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย
นายสมรกล่าวต่อว่า ส่วนนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ยิงรถตู้นั้น ไม่เห็นเหตุการณ์ว่านายพันโดนกระสุนอย่างไร ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวนายพันด้วย หากเป็นไปได้อยากจะพบกับครอบครัวของนายพัน เพื่อให้เล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้น และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดที่แล้ว คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนโดยเร็ว
ส่วนนางประนอม ไหมทอง ภรรยานายสมร ร่วมกล่าวว่า เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม เหตุการณ์ผ่านมา นานกว่า 2 ปี อาการของสามีก็ยังไม่ดีขึ้น ท้องยังบวมอยู่ เนื่องจากกระสุนเข้าไปทำลายไตบางส่วนและปอดด้วย ทุกสัปดาห์ลูกสาวต้องพาไปทำแผล และตรวจร่างกายที่คลินิกอยู่ ต้องจ่ายค่ายาเอง และแพงมาก เพราะอยู่นอกเหนือใช้บัตรประกันสังคม ส่วนการเยียวยาค่าเสียหายนั้น ได้รับจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพียงแห่งเดียว เพราะไม่รู้จะไปเรียกร้องที่ไหน
"ขอวิงวอนไปยังรัฐบาลให้ช่วยเข้ามาดูแลครอบครัวเราด้วย ทุกวันนี้อยู่อย่างลำบาก เพราะสามีไม่สามารถหาเงินได้เต็มที่ เมื่อก่อนสามีหาเงินเข้าบ้านเฉลี่ยเดือนละกว่า 30,000 บาท ทุกวันนี้เหลือเพียงเดือนละหมื่นกว่าบาทเท่านั้น นอกจากนี้ก็ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดที่แล้วออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นกับครอบครัวเราด้วย เราไม่ต้องการเงินเยียวยา มอบให้กี่สิบล้านก็ไม่คุ้มกับสภาพร่างกายของสามีที่เป็นแบบนี้" ภรรยานายสมรกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น