เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 รายการตีแสกหน้า
ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 13.00-14.30น. โดยมี น.ส.กมลพร วรกุล เป็นผู้ดำเนินรายการ นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
นายประพันธ์ คูณมี และนายเทิดภูมิ ใจดี เป็นแขกรับเชิญ ในรายการดังกล่าว นายประพันธ์ คูณมี
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 กล่าวตอนหนึ่งว่าผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่เคยสำนึกถึงบุญคุณพรรคประชาธิปัตย์ “ตั้งแต่มีข่าวความขัดแย้งระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ
กับพรรคประชาธิปัตย์นั้นตนยังไม่เคยเห็นผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงท่าทีที่เป็นมิตร
หรือ แม้กระทั่งแสดงความขอบคุณในการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เสียสละ
ต่อสู้ ล้มตายจนกระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล”
“คนของพรรคประชาธิปัตย์ หรือสาวกประชาธิปัตย์มักจะบอกว่า พันธมิตรฯ ชอบผลักมิตร ผลักพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นศัตรู ไปอยู่ฝั่งศัตรู คำถามก็คือว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดว่าพันธมิตรฯ เป็นมิตรคุณจริงหรือเปล่า หรือคุณคิดว่าพันธมิตรฯ เป็นเพียงเครื่องมือ หรือคุณอยากได้คะแนนเสียงจากพันธมิตรฯ ไปเลือกตั้ง ... และอยากอาศัยการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นเครื่องมือนำทางคุณขึ้นไปสู่ตำแหน่งรัฐบาล” นายประพันธ์ระบุ
ในกรณีความช่วยเหลือ
ASTV
นั้น นายประพันธ์กล่าวว่า “พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เคยช่วยสนับสนุนสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี
ที่เป็นปากเสียงของประชาชนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเลย คุณนอกจากไม่ช่วยพันธมิตรฯ
แล้วยังเนรคุณอีก พรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะยืน เอาตัวรอด
ฉวยโอกาส แล้วเหยียบย่ำกลุ่มพันธมิตรฯ และกล่าวหาว่าไม่ช่วยตัวเอง สาดโคลน
ใส่ร้ายแกนนำพันธมิตรฯ ว่ารับเงิน อย่างนั้นอย่างนี้
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยง”
ส่วนกรณีด้านสถานนีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกายนั้น นายประพันธ์กล่าวว่า “แล้วคุณช่วยตอบคำถามหน่อยซิว่า
พรรคของคุณเคยได้รับบริจาคจากบริษัทคิงเพาเวอร์ไหม? แล้วบริษัทคิงเพาเวอร์มีพฤติกรรมในการปฏิบัติหรือประกอบธุรกิจในสนามบินสุวรรณภูมิมีรายได้มาแบบไหน?
เลขาฯพรรคของคุณ
คุณสุเทพเคยห้ามปรามไม่ให้พูดบริษัทคิงเพาเวอร์ไหม?”
นายประพันธ์ตั้งคำถามต่อ และว่าแล้วเงินสนับสนุนพรรคและสนับสนุนสื่อในเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์มีจำนวนมากเท่าไหร่
ช่วยให้คำตอบหน่อย
พร้อมกล่าวต่อว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์หรือผู้ประกอบการโทรทัศน์ในเครือข่ายประชาธิปัตย์อีก
2-3 ช่องนั้นทางที่ดีต้องชี้แจงบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน
เหมือนกับที่เอเอสทีวีชี้แจงให้กับประชาชนรับทราบ
ดีกว่ามาแว้งกัดสื่ออย่างเอเอสทีวี
จากนั้น
น.ส.กมลพรได้กล่าวอ้างอิงรายงานของ นสพ.คมชัดลึก
ถึงผู้ถือหุ้นในสถานีโทรทัศน์ช่องบลูสกาย โดยระบุว่า บริษัท
บลูสกาย แชนแนล จำกัด ซึ่งทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท
ในวันที่จดทะเบียนมีกรรมการ 4 คน คนแรกคือ นายวิทเยนทร์ซึ่งไม่เคยประกอบวิชาชีพสื่อมาก่อน
แต่เพิ่งมาทำโทรทัศน์ในปี 2554 หลังจากเคยเป็นผู้สมัคร
ส.ส.บางเขน พรรคประชาธิปัตย์ และเลขาฯ ของรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมตรีนายสาทิตย์
ส่วนกรรมการคนที่สองคือ นายเถกิง สมทรัพย์
ซึ่งเป็นสื่อที่มีความใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน เคยเป็นทีมงานรายการ
"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" และปัจจุบันเป็น ผอ.ช่องบลูสกาย
ส่วนกรรมการคนที่สามคือ นายบุรฤทธิ์
ศิริวิชัย อดีตยุวประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยมีตำแหน่งในสำนักนายกฯ
ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ และกรรมการคนสุดท้ายคือ นายภูษิต
ถ้ำจันทร์ หนึ่งทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์
เช่นเดียวกับนายเถกิง และนายวิทเยนทร์
มากกว่านั้นลงทุนในบลูสกายแชนแนล 3 ล้านบาทแล้ว บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด ยังลงทุนในสำนักข่าวทีนิวส์ จำกัด ผู้ผลิตข่าวช่องทีนิวส์ อีก 11 ล้านบาท
อ่านฉบับเต็มได้จากที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น