รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล |
go6TV(9 ตุลาคม
2555) นายชูศักดิ์ ศิรินิล นักกฎหมายจากพรรคเพื่อไทย ได้แสดงความเห็นด้านกฏหมายในกรณีที่นักวิชาการจากนิด้า
ได้ยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า
โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลผิดรัฐธรรมนูญนั้น
นายชูศักดิ์ ศิรินิล กล่าวว่า โครงการรับจำนำนั้นเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ
ซึ่งแถลงต่อสภา ดังนั้น คนที่จะรับผิดชอบดูแลตรวจสอบคือ “รัฐสภา” ไม่ใช่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ศาลฯไม่มีอำนาจรับคดีไว้พิจารณา
คำถาม : นักวิชาการอ้างว่ายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
นโยบายรับจำนำข้าว ตามมาตรา 43
และ 84 (1) ?
ชูศักดิ์
::: มันไม่ใช่ คือถ้ายื่นเพราะนโยบาย มันก็คือเรื่องนี้มันเป็นแนวนโยบายของรัฐ
อยู่ในแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งหลักของเรื่องนี้ก็คือ 1.รัฐบาลต้องแถลงต่อรัฐสภาว่าจะทำอะไร
ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็แถลงว่าจะดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว
เพื่อเข้าไปยกระดับราคาสินค้าข้าวและยกระดับรายได้ของเกษตรกร ซึ่งก็แถลงต่อรัฐสภา
และรัฐบาลมีหน้าที่รายงานต่อรัฐสภาปีละครั้ง ซึ่งก็แปลว่า
คนที่ต้องรับผิดชอบในการดูแลตรวจสอบ แนวนโยบายของรัฐบาลเหล่านี้ก็คือรัฐสภา
ที่มีหน้าที่รายงานปีละครั้งว่านโยบายนี้ใช้เงินไปเท่าไร
ในการรับจำนำข้าวและในท้ายที่สุด ก็ต้องรายงานว่าเป็นอย่างไร กำไรเท่าไรและอย่างไร
ซึ่งต้องรายงานปีละครั้ง
ซึ่งแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐนี้รัฐธรรมนูญกำหนดขึ้นและไม่ได้เขียนให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการตรวจสอบเลย
และคนที่จะตรวจสอบได้ก็เป็นอำนาจของรัฐสภา อันนี้ก็เป็นหลักการแบ่งแยกอำนาจธรรมดาๆ
ที่เราเข้าใจโดยทั่วไป
ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็แถลงไว้ว่าจะทำนโยบาบรับจำนำและรัฐสภาก็ได้ถกเถียงกันเรื่องนี้มาพอสมควร
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ทำหนังสือถึงรัฐบาล
รัฐบาลก็ชี้แจงไป แล้วพอครบ 1
ปีก็แถลงว่าใช้เงินไปเท่าไร มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร
เกษรกตรได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างไร
ดังนั้นคนที่รับผิดชอบในการตรวจสอบคือรัฐสภา
มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่าศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาตรวจสอบการกระทำของรัฐบาลได้ทุกเรื่อง
ซึ่งผมเคยต่อสู้ไว้ในกรณีมาตรา 68
แล้วว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ต่อไปประเทศนี้รัฐบาลไม่ต้องทำอะไร
เพราะจะขึ้นอยู่กับคน 9 คน หรือแม้แต่รัฐสภา
ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะมีผู้มาบอกว่าจะต้องไปทำอย่างโน้นอย่างนี้ แม้กระทั่งองค์กรอิสระอื่นๆ
หากมีผู้ไปร้องแล้วอ้างข้อกฎหมายผิดๆถูกๆ หากศาลรัฐธรรมนูญรับเอาไว้หมด
มันจะเหมือนคำในทางรัฐศาสตร์ ที่เขาว่ากันเอาไว้ว่าก้าวล่วงอำนาจอื่นๆ
ผมว่าเรื่องนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายคนก็เข้าใจอย่างนี้
ซึ่งผมอ่านจากคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีมาตรา 68
ที่วินิจฉัยว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจเข้าไปวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ตามมาตรา 291 นั้นชอบหรือไม่ชอบ
โดยอ้างว่าเป็นอำนาจของรัฐสภา ตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ
“สรุปแล้วคือต้องคิดให้ดีว่าหากมีการรับเรื่องนี้เอาไว้พิจารณา
มันจะกลายเป็นว่าต่อไปนี้คน 9
คนจะเข้าไปตรวจสอบรัฐบาลก็ได้ ตรวจสอบรัฐสภาก็ได้
หรือตรวจสอบองค์กรอิสระอื่นๆก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
และไม่ใช่เจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตยที่มีการแบ่งแยกอำนาจ
แล้วยิ่งถ้าย้อนกลับไปดูข้อกฎหมายเรื่องอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ 4 ข้อก็จะเห็นได้ชัดเจนว่ามันไม่เข้าอะไรเลย
และท้ายที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เหมือนกรณีมาตรา 68 อีก”
ท่านสามารถติดตามอ่านทั้งหมดได้ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น