วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

จารุพรรณ นำทีมตัวแทน"สหภาพรัฐสภาโลก"เยือนไทย ติดตามสถานการณ์ทางการเมือง

วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 (go6TV) -  ที่รัฐสภา นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่ มร.มาร์ค ทรอเวล ตัวแทนจากสหภาพรัฐสภาโลก หรือไอพียู เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าหารือกับนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรถึงสถานการณ์ทางการเมือง และจะเข้าสังเกตการณ์และร่วมการรับฟังการพิจารณาคดีด้วย

นายพีรพันธุ์กล่าวว่า การเดินทางของ มร.มาร์ค นักกฎหมายของสหภาพรัฐสภาโลกครั้งนี้เป็นไปตามมติของการประชุมประเทศสมาชิกทั้ง 148 ประเทศ ที่ประเทศเอกวาดอร์ เมื่อเดือน ธันวาคม 2555 เนื่องจากสนใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และต้องการติดตามศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย

น.ส.จารุพรรณกล่าวว่า เราได้รายงานถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่เกิดขึ้นให้กับตัวแทนจากไอพียูได้รับทราบ ซึ่ง มร.มาร์คกังวลเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย หลังจากได้เดินทางเพื่อไปเข้าฟังการพิจารณาคดีกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ถูกฟ้องร้องในคดีก่อการร้ายที่ศาลอาญา ทั้งที่เป็นในลักษณะเปิดสามารถเข้าฟังได้ปกติ แต่เมื่อตัวแทนของไอพียูเดินทางไปเข้าร่วมรับฟัง กลับต้องถูกตรวจตรามากเป็นพิเศษ โดย มร.มาร์คถึงกับกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวคล้ายกับการกีดกันไม่ให้เข้าร่วมรับฟัง แต่ก็จะเดินทางไปร่วมฟังการพิจาณาคดีอีกครั้งในสัปดาห์หน้าเช่นกัน

น.ส.จารุพรรณกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ มร.มาร์คยังเน้นย้ำกับสภาไทยว่าขอให้ดูแลผู้แทนที่ได้รับการรับเลือกจากประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างเต็มที่ เพราะการถอดถอนผู้แทนอย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับนายจตุพรนั้นง่ายดายเกินไป จึงขอความร่วมมือกับรัฐสภาไทยให้รายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว และกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องตามมาตรา 68 แบบวันต่อวันด้วย

ส่วน นพ.เหวงกล่าวว่า การที่ มร.มาร์คเดินทางมาเยือนประเทศไทยนี้ ไม่ใช่เป็นการแทรกแซงทางการเมืองของประเทศไทย เพราะเราก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิก และไอพียูก็มีความสนใจในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายจตุพร ซึ่งทางไอพียูก็ตั้งความหัวว่าต้องการสนทนากับตัวแทนของศาลรัฐธรรมนูญถึงกรณีดังกล่าว เพื่อขอทราบเหตุผลว่าใช้กฎหมายอะไรในการทำสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายจตุพรสิ้นสุดลง เราจึงติดต่อไปยังนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่นายวสันต์กล่าวว่าไม่ให้เข้าพบ โดยให้เหตุผลว่า ไอพียูเป็นองค์กรทางนิติบัญญัติ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรทางตุลาการ ไม่เกี่ยวข้องกัน


นพ.เหวงกล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องไปยังนายวสันต์ให้ทบทวนการขอเข้าพบใหม่อีกครั้ง เพราะเชื่อว่าการพบปะพูดคุยจะสร้างความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อประชาคมโลกได้ นอกจากนี้ มร.มาร์คยังเก็บข้อมูลการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสมาชิกรัฐสภาด้วยว่า ทำไมอำนาจการแก้กฎหมายเป็นของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ยังทำไม่ได้ และจะศึกษาบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญด้วยว่าทำไมถึงมีอำนาจหยุดยั้งการทำหน้าที่ดังกล่าวได้

แม่ค้าชาวสีลมไล่ "ม็อบหน้ากากขาว" เดินเกะกะปิดทางเข้าออก ขวางฟุตบาททำมาหากิน

วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 (go6TV) แก๊งหน้ากากไข่ขาวจอมป่วน บุกสีลมปิดทางเข้าออกดุสิตธานี-ธนาคารกรุงเทพ อ้างประชาชนตื่นแล้ว คนสีลมด่าระงมปิดทางเดินฟุตบาท

เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ที่ผ่านมา กลุ่มประชาชนหน้ากากขาวที่นัดรวมตัวกันในเฟสบุ้ค ได้ระดมคนจากท้องสนามหลวง ถอดป้ายผ้าที่แขวนไว้บริเวณม็อบสนามหลวงจำนวน 3 ผืน พร้อมป้ายกระดาษที่เตรียมไว้ ขึ้นรถกะบะจากสนามหลวงไปยังสีลมเพื่อจัดฉากประท้วงวุ่นวาย

เวลา 10.00 น. ทีมงานที่อยู่ในม็อบดังกล่าวได้รายงานเข้ามาว่า ได้เดินทางร่วมกับกลุ่มพันธมิตรจากสนามหลวง มาถึงหน้าโรงแรมดุสิตธานี  ได้ยืนก่อหวอดประท้วง ชูป้ายผ้า 2 ผืน และป้ายกระดาษบริเวณหน้าทางเข้าโรงแรมดุสิตธานีเพื่อให้แขกเหร่อในโรงแรมได้ออกมาดู  ขณะเดียวกัน หน่วยรักษาความปลอดภัยและตำรวจได้รีบระดมพลมาดูแลรักษาความปลอดภัยกันอย่างคึกคัก จนทำให้จำนวนตำรวจและรักษาความปลอดภัยมีมากกว่าผู้ชุมนุม

ตัวแทนผู้ชุมนุมได้กล่าวกับตำรวจว่าจะขอเดินบนถนนเข้าไปยังถนนสีลม แต่ตำรวจไม่อนุญาต และบอกว่า มากันแค่ 20-30 คนทำไมต้องเดินลงถนนทำให้รถติดขัด ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก ตัวแทนผู้ชุมนุมได้กล่าวว่า "เราเป็นประชาชน จะเดินตรงไหนก็ได้" จากนั้น ได้พากลุ่มเดินบนฟุตบาท เลียบไปกับถนนเลนแรก ไปถึงหน้าอาคารยูในเต็ด  หน่วยรักษาความปลอดภัยของอาคารได้รีบมายืนล้อมประตูไม่อนุญาตให้ม็อบดังกล่าวเข้าไปในอาคาร  ระหว่างที่ยืนอยู่ มีผุ้ชุมนุมบางส่วนได้ขออนุญาตรักษาความปลอดภัยเข้าไปในอาคารเพื่อใช้ห้องน้ำ

จากนั้นผู้ชุมนุมจึงเดินต่อไปยังอาคารซีพี ซึ่งก็มีตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัยของอาคารมายืนกั้นและประกาศให้พนักงานในอาคารระมัดระวังตัว ห้ามเดินเข้าไกล้กลุ่มผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด
จุดสุดท้ายคือธนาคารกรุงเทพ จำกัด ตลอดระยะทางที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินผ่านทีมงานได้พยายามแจกเอกสาร "ทวงคืนแผ่นดินไทย ไล่ทุนสามานย์ รัฐบาลชาติชั่ว" ตลอดระยะทาง แต่ประชาชนชาวสีลมก็ไม่รับเอกสาร และทิ้งลงถังขยะ

พนักงานร้านอาหารหน้าซอยคอนแวนต์กล่าวว่า "ไม่รู้ว่าม็อบนี้จะมาทำไม ไม่มีเหตุไม่มีผล มายืนตะโกนแบบนี้ คนทั่วไปไม่กล้าเดินเข้ามานั่งกินข้าว เกะกะทางเข้าออกร้านค้า บางคนก็แต่งตัวสกปรกมอมแมม ไม่รู้ไปพาใครมาจากไหน ขอฝากให้ตำรวจช่วยดูแลให้เรียบร้อยด้วย"


ภาคีเครือข่ายวิชาชีพการแพทย์และสาธารณสุข 8 สถาบันนำโดย "แพทยสภา" สนับสนุนระบบ P4P

ภาคีเครือข่ายวิชาชีพการแพทย์และสาธารณสุข  8 แห่ง นำโดย นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา อ่านแถลงการณ์สนับสนุนการปรับเปลี่ยนวิธีการจ่ายค่าตอบแทนบางส่วน แบบผสมผสานตามมิติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2556   โดยระบุว่า จากการพิจาณาร่วมกันระหว่าง แพทยสภา แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สภาการพยาบาล ทันตแพทยสภา สภาเภสัชกรรม สภาเทคนิคการแพทย์ กลุ่มสถาบันฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางแห่งประเทศไทย และสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย มีความเห็นร่วมกันว่า การปรับวิธีจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน เป็นการสร้างความสมดุลใน 3 มิติ ได้แก่ มิติระหว่างโรงพยาบาลทุกระดับ มิติระหว่างวิชาชีพ และมิติระหว่างผู้ประกอบการวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อระบบ  ส่งผลถึงประโยชน์ประชาชนอย่างยั่งยืน


ภาคีเครือข่ายมีความเห็นว่าโรงพยาบาลพื้นที่ทุรกันดาร เสี่ยงภัย และขาดแคลนบุคลากร ยังคงได้รับค่าตอบแทนเช่นเดิม ส่วนจ่ายค่าตอบแทนบางส่วนอย่างมีเหตุผลตามภาระงานเป็นวิธีการที่ใช้กันตามหลักสากล ขณะที่ผลสรุปจากโรงพยาบาลที่นำร่องเป็นเวลา 10 ปี พบว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย และยังเป็นเหตุผลด้านงบประมาณที่ใช้อ้างอิงต่อสำนักงบประมาณ อีกทั้งเป็นการกระจายค่าตอบแทนให้บุคลากรทุกระดับอย่างครอบคลุมและไม่เหลื่อมล้ำ มีความยืดหยุ่นในเรื่องกรอบเงิน กรอบเวลา และวิธีการของแต่ละโรงพยาบาล โดยเน้นการมีส่วนร่วมของแต่ละวิชาชีพ ซึ่งจะสามารถควบคุมกันเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือวงเงินโดยรวมยังเท่าเดิม ไม่น้อยกว่าประกาศค่าตอบแทนกระทรวงสาธารณสุข ฉบับ 4 6 และ 7” นพ.สมศักดิ์ กล่าว



นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ภาคีเครือข่ายวิชาชีพการแพทย์และสาธารณสุข เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขจะต้องเร่งรัดสนับสนุนและทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการนับผลงานอย่างอดทนและสร้างความเข้าใจต่อสังคม ขณะเดียวกันการออกแบบเกณฑ์วิธีการนับผลงาน ต้องทำให้เหมาะสมและสะดวกกับแต่ละระดับของโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้โดยง่าย.

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อึ้งทั้งประเทศ! "รังสิมา" ด่า "ตอแหล" กลางสภาฯ แถหน้าด้านๆ "เปิดพจนานุกรมได้เลยค่ะ ไม่หยาบคายค่ะ"


อึ้งทั้งสภาฯ เมื่อ ส.ส.รังสิมา รอดรัศมี ได้กล่าววาจาผรุสวาทในสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวคำว่า “ตอแหล” หลายครั้ง จนประธานสภาฯ ตักเตือนแต่ไม่ยอมถอนคำพูด แต่กลับยกพจนานุกรมมาอ้างอิงให้ท่านประธานด้วย ดังใจความดังนี้


“ตัวตอแหลในพจนานุกรม  ดิฉันอ่านให้ท่านฟังท่านจะได้รู้ภาษาไทยด้วย ตอแหลเป็นคำด่าคนที่พูดเท็จ มักใช้กับผู้หญิงช่างพูด และแสดงกิริยาน่ารัก นี่คือคำว่า “ตอแหล” ท่านประธานไปเปิดดูนะค่ะ”

อัยการส่งฟ้อง "เอกยุทธ อัญชันบุตร" ข้อหาทำร้ายร่างกาย ผจก.คาราโอเกะแล้ว

วันที่ 30 พฤษภาคม 2556 (go6TV) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 30 พ.ค. พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอกยุทธ อัญชันบุตร  อายุ 53 ปี นักธุรกิจการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ กับพวกอีก 2 คือนายก้องการุณ  ศรีประสาน อายุ 32 ปี  อาชีพค้าขาย และนายสันติภาพ เพ็งด้วง อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้าง  ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 -  3 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย,เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น และ  พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 55 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายบทโดยนายเอกยุทธ จำเลยที่ 1 ได้ยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 2-3  ทำร้ายร่างกายใช้มือตบศรีษะ ชกต่อยที่บริเวณใบหน้า ใช้เท้าถีบลำตัว ล็อกคอ และลากตัวนายจตุพล มังกรทอง รองผู้จัดการ ร้าน คาราโอเกะ ซิตี้ ย่านถ.ประดิษฐ์มนูธรรม  แขวง เขตลาดพร้าว กทม. นอกจากนี้นายก้องการุณ จำเลยที่ 2 ได้บังอาจทำร้ายร่างกายน.ส.เฟื่องฟ้า กันทมูล  แคชเชียร์ โดยขว้างขวดน้ำอัดลมใส่ประตูกระจกห้องพนักงานเก็บเงิน จนเศษกระจกกระเด็นบาดหน้าแข้งซ้ายของน.ส.เฟื่องฟ้า ได้รับบาดเจ็บ และจำเลยที 3 ได้ทำร้ายร่างกายใช้มือผลักกระแทกใบหน้า น.ส.จุฬา  เครือวัลย์  ผู้จัดการร้าน

อัยการระบุฟ้องอีกว่า นายเอกยุทธ  จำเลยที่ 1 ได้บังอาจทำลายเอกสารบันทึกการขายหรือใบสลิปชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 34,895 บาท ที่จำเลยที่ 1 ชำระด้วยบัตรเครดิต ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)  ด้วยการขยำทิ้งลงในบ่อน้ำของร้าน ทั้งนี้จำเลยที่ 2และ3ยังได้พกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาด ไม่มีหมายเลขทะเบียน อันเป็นอาวุธตามกฎหมายติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร


ต่อมาวันที่ 25 ธ.ค. 55 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมจำเลยที่ 2,3 ได้ ส่วนนายเอกยุทธจำเลยที่ เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย  แจ้งข้อหาดำเนินคดีชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีดำ อ.2001 /  56 และสอบคำให้การจำเลย โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี  ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายวันที่ 2 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น. ต่อมาญาติของจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นสมุดเงินฝากธนาคาร ออมสิน ฯ  คนละ 1แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราวไป .

"แพทย์ชนบท" นัดหารือรัฐบาล 6มิถุนา ยืนยันไม่ชุมนุมบ้านนายกฯ


30 พฤษภาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว https://twitter.com/teeratr ระบุว่า นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวผลการหารือกับแพทย์ชนบท ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ร่วมกับ กลุ่มแพทย์ชนบท กลุ่มหลักประกันเครือข่ายผู้บริโภค ยืนยันว่าจะไม่มีการชุมนุมที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรีในวันที่ 6 มิถุนายนแต่อย่างใด แต่จะมา Workshop ร่วมกับทางภาครัฐที่ทำเนียบรัฐบาลในวันดังกล่าวแทน และการ Workshop ดังกล่าวเป็นการหารือเพื่อรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยให้ความสำคัญกับประโยชน์ของประชาชนโดยรวม เป็นการเอาข้อเสนอ ของกลุ่มแพทย์ชนบท มาคุยกันบนโต๊ะ ซึ่งเป็นการหาทางออกร่วมกันได้ดี

ทางด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ย้ำว่าการประกาศ "ชุมนุม" ไม่ได้เป็นเรื่องทางการเมือง เพียงแต่อยากให้ฝั่งรัฐบาลได้รับความคิดเห็น และรับฟังข้อทุกข์ยากต่างๆ โดยชมรมแพทย์ชนบทจะเตรียมนำทีมแพทย์ประมาณ 20 คน มาหารือร่วมกับคณะของ รมว.สาธารณสุข และจะมีทีมของ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกัน โดยหวังว่าจะเป็นการหาทางออกร่วมกันโดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ขณะที่ นายสารี อ๋องสมหวัง จากกลุ่มคนรักหลักประกันเครือข่ายผุ้บริโภค ระบุว่า P4P เป็นการดึงแพทย์ออกจากชนบท จึงอยากสะท้อนปัญหาให้ภาครัฐรับทราบ และคาดว่าการทำ workshop ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ คงจะได้หารือเรื่องการเข้าถึงยาของผู้ป่วย รวมถึงการร่วมจ่ายของผู้ป่วยด้วย



โฆษก บช.น.ยืนยันไม่มีคำเตือนห้ามประชาชนไปห้าง หวั่นระเบิด

30 พฤษภาคม 2556 go6TV - พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยกรณีที่มีการแพร่ข้อความในโซเชียลมีเดียว่า มีคำเตือนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ไม่ให้ประชาชนเดินทางสัญจรไปยังสถานที่มีคนพลุกพล่าน รวมถึงตามห้าง และศูนย์การค้าต่างๆ ในช่วงเย็นวันที่ 30 พฤษภาคม และเมื่อเลิกงานให้รีบเดินทางกลับที่พักทันที เพราะหวั่นว่าจะมีเหตุระเบิดซ้ำว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่มีคำแจ้งเตือนในลักษณะดังกล่าวออกจาก บช.น.

มีแต่การให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ให้กับประชาชนเท่านั้น ข้อความในเฟซบุ๊กเชื่อถือได้ยาก ตำรวจไม่มีคำเตือนเช่นนี้ออกไป เพราะหากมีการเตือนจริงๆ ก็ต้องมีเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้บังคับบัญชาให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม และเตือนประชาชน เรื่องที่แพร่กันออกไปอาจจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ยืนยันว่าไม่มีคำเตือนห้ามไปเดินห้างแน่นอน

สกู๊ปพิเศษ: ข้าวของแพงจริงหรือ?


หลังจากที่มีพรรคฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายรัฐ เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของประชาชน ปล่อยให้ข้าวของมีราคาเพิ่มสูงขึ้นนั้น ซึ่งทาง ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อกมาโต้ทางด้านพรรคฝ่ายตรงข้ามว่า ขออย่ามาใส่ร้ายเรื่องสินค้าแพง พร้อมทั้งยืนยันว่านายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำงานแทบไม่มีวันหยุด การแก้ปัญหาสินค้าแพงนั้นต้องแก้อย่างเป็นระบบ เพิ่มรายได้ประชาชน ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิต จะไปควบคุมราคาปลีกอย่างเดียวไม่ได้ 

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการออกไปสำรวจตลาดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนฯ เกี่ยวกับเรื่องสินค้าราคาแพง ทางด้านพ่อค้าแม่ค้าต่างก็ให้ความเห็นว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นจากเดิมนั้น แท้จริงแล้วมิได้เกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะองค์ประกอบต่างๆที่ทำให้ราคาสินค้านั้นขึ้นสูงกว่าที่เป็นอยู่นั่นก็คือ สภาพอุณหภูมิ ฤดูกาล ต้นทุนการผลิต หรือแม้แต่พ่อค้าคนกลางก็ส่งผลต่อราคาขายปลีกได้เช่นกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้ราคาสินค้านั้นขึ้นสูง-ลงต่ำ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง


เผยภาพกราฟิก "ยิ่งลักษณ์" อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2557

30 พฤษภาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการอภิปรายของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2557 ในวันนี้ ได้มีการแสดงภาพกราฟิกประกอบการอภิปรายจำนวน 10 ภาพ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เอกสารประกอบการอภิปรายของนายกรัฐมนตรี ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2557

"รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณด้านความเหลื่อมล้ำมากที่สุด จากงบประมาณปี 2557 จำแนกตามยุทธศาสตร์ประเทศรวมทั้งสิ้น 759,113.9 ลบ. รัฐบาลได้ลงทุนเม็ดเงินด้านการลดความเหลื่อมล้ำ 553,938.1 ลบ. หรือคิดเป็นถึง ร้อยละ 72.97% เพื่อสนับสนุุนด้านการศึกษา การยกระดับคุณภาพชีวิต การจัดสวัสดิการสังคม และงานทางด้านสังคมอื่นๆ มุ่งสร้างสังคมที่เสมอภาค มีการดำเนินงานที่สำคัญๆ เช่น

  1. พัฒนาสวัสดิการ
  2. การเพิ่มศักยภาพและโอกาส
  3. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
  4. เบี้ยยังชีพคนพิการ
  5. พัฒนาที่อยู่อาศัย
  6. กองทุนผู้สูงอายุ และ
  7. กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี

จาก IMD World Competitiveness Yearbook 2013 ศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในภาพรวม (Overall performance) ในปี 2556  ดีขึ้นกว่าปี 2555 จากลำดับที่ 30 เป็นลำดับที่ 27 จากประเทศทั้งหมด 60 ประเทศความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของรัฐบาลและภาคธุรกิจ ดีขึ้นอย่างเป็นที่น่าพอใจ  มีเพียงสถานะทางโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รัฐบาลจึงต้องลงทุนเพิ่มเติมทั้งโครงสร้างพื้นฐานทั่วไป รวมถึง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี งานวิจัย และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ

วันนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งที่จะได้รับกลับมาทางตรงคือ สมบัติของชาติ นั่นคือ รางรถไฟ รถไฟฟ้าความเร็วสูง ยังไม่รวมถึงค่าโดยสารที่จะได้รับ การกระจายความเจริญเวลาที่รถไฟฟ้าไปถึง ทางอ้อมคือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น"












ตีข่าวทั่วโลก! "ศาลไทยชี้นักข่าวอิตาลีตายเพราะกระสุนจากฝั่งทหาร"

สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดังต่างมาเกาะติดรายงานข่าวศาลไทยมีคำสั่งผลไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายฟาบิโอ และเผยแพร่ไปทั่วโลก อาทิ สำนักข่าวรอยเตอร์พาดหัวว่า Thai court rules troops responsible for Italian reporter′s deathŽ หรือ ศาลไทยชี้ว่าเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ทำให้ช่างภาพข่าวอิตาเลียนถึงแก่ความตายŽ มีเนื้อหาระบุว่าศาลชี้ว่านายฟาบิโอถูกกระสุนจากฝั่งทหารยิงตาย ขณะทำงานถ่ายภาพเหตุสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ค.2553

 ส่วนเว็บไซต์สำนักข่าวบีบีซี สื่อใหญ่ในยุโรป พาดหัวข่าว Thailand court says Italian journalist killed by army bulletŽ หรือ ศาลไทยระบุช่างภาพข่าวอิตาเลียนตายเพราะกระสุนปืนทหารŽ พร้อมรายงานว่าศาลไทยชี้ว่านายฟาบิโอถูกกระสุนปืนที่ใช้โดยเจ้าหน้าที่ทหาร ยิงตายระหว่างทำข่าวการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล เมื่อปี 2553 ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กก็รายงานไปในทิศทางเดียวกัน

 ขณะที่ น.ส.อลิซาเบตต้า น้องนายฟาบิโอ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า แม่ตกใจที่เห็นผู้สื่อข่าวมาทำข่าวเยอะ ไม่นึกว่าคดีนี้จะได้รับความสนใจขนาดนี้ในประเทศไทย โดยเมื่อก่อนแม่ไม่ชอบเวลามีคนมาถ่ายรูป แต่ว่ามาเมืองไทยครั้งนี้โดนถ่ายรูปจนเริ่มชินแล้ว ส่วนพ่อไม่ยอมรับรู้เรื่องของฟาบิโอเลย เพราะเสียใจมาก อยากจะให้เรื่องมันผ่านพ้นไป 

 จนกระทั่งไม่นานมานี้ที่ดิฉันทำหนังสือรวมภาพผลงานของฟาบิโอและบอกพ่อว่าหนังสือเล่มนี้จะได้แสดงผลงานของฟาบิโอให้โลกได้เห็น ไม่เกี่ยวกับคดี ตอนแรกพ่อยังไม่เห็นด้วย แต่วันสุดท้ายก่อนจะเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ พ่อโทร.หาบอกให้เก็บไว้ให้เล่มหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าพ่อเริ่มเปิดรับได้มากขึ้น ส่วนแม่ช็อกมากตอนที่รู้ว่าฟาบิโอเสียชีวิต จนทุกวันนี้ ยังไม่บอกแม่หลายๆ เรื่อง เช่น ลักษณะการตาย หรือตอนที่พยานเล่าให้ฟังว่าตายอย่างไร จริงๆ แล้ววันนี้แม่เพิ่งเห็นรูปทั้งหมดที่ฟาบิโอถ่ายครั้งแรก และแม่ยังห่วงความปลอดภัยของดิฉันด้วย สำหรับพี่สาวก็ร้องไห้อยู่เป็นปีŽ น้องฟาบิโอกล่าว

มาสเตอร์การ์ด ยก กรุงเทพฯ สุดยอดเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก เบียดแซงลอนดอน แชมป์เก่าอย่างฉิวเฉียด



30 พฤษภาคม 2556 go6TV - มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ เผยผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกประจำปี 2556 (MasterCard Global Destination Cities Index 2013) พบว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ได้รับตำแหน่งชนะเลิศสุดยอดเมืองท่องเที่ยวของโลก แซงหน้าแชมป์เก่าประจำปีที่แล้วอย่างกรุงลอนดอนไปอย่างฉิวเฉียด ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากกว่าเพียง 25,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 เท่านั้น

โดยมาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ ได้จัดทำผลสำรวจเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยสำรวจจาก 132 เมืองทั่วโลก นำข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เปิดเผยต่อสาธารณชนมาประกอบการประเมิน ไม่ได้มาจากข้อมูลการใช้จ่ายส่วนตัวของลูกค้า พบว่า กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ของสุดยอดเมืองท่องเที่ยวของโลก จากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เมืองในเอเชียได้อันดับ 1 ตั้งแต่ทำผลสำรวจมา

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

"พานทองแท้" ระบุ เขียนเฟสบุ๊กให้คนทุกสีอ่าน ไม่หวั่นแม้ถูกถล่มเพจ

29 พฤษภาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.35น. ที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวที่ผู้ที่นิยมพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเข้ามาก่อกวนในเพจของตนเอง โดยนายพานทองแท้มองว่าเป็นเรื่องดีที่มีผู้เข้ามาอ่านเนื้อหาในเฟสบุ๊กของตนเองมากขึ้น เพราะตนเปิดกว้างให้กับคนทุกสีทุกฝ่ายได้เข้ามาแสดงความเห็นอย่างเสรีอยู่แล้ว  

ทั้งนี้ นายพานทองแท้ โพสต์ข้อความดังนี้


สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามา 
ความลังเลเป็นบ่อเกิดแห่งความไม่แน่นอน 
บรรดา "แมลงสาบ & สลิ่ม" ทั้งหลาย
เชิญตีตั๋วฟรีเข้ามาดูชมเพจ "พานทองแท้" ได้เลยคร๊าบบบบ......

ผมได้รับทราบจากทีมงานว่า บรรดา "สาบ-สลิ่ม" ทั้งหลาย นัดแนะกันใช้โพรไฟล์ หน้ากากล้มเจ้า บอกว่าจะมาโจมตีเพจนี้ ในคืนนี้นะครับ ผมก็อุตส่าห์ตกอกตกใจนึกว่า จะมาแฮ็กหรือทำไรกับเพจผม ปรากฏทีมงานบอกว่า จะแห่กันเข้ามาคอมเม้นต์พร้อมๆกันในเพจเฉยๆ 
555555 ยู อาร์ เวลคัม ครับ

นี่รออยู่ชั่วโมงกว่าแล้วครับ มีมาแค่หยิบมือเดียวเอง หน้ากากสีแดงเข้ามาเยี่ยมชมยังเยอะกว่าอีก เพื่อแสดงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี สร้างความอบอุ่น-คุ้นชินให้กับเพื่อนใหม่ ผมเลยโพสต์รูปให้เหมือนเป็นพวกเดียวกันเลยครับ หน้ากากล้มเจ้าใส่หมวกหลากสีสายรุ้ง ที่สาบ-สลิ่มทั้งหลายคุ้นเคยและรู้กันดีว่า ใครเอ่ย?เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากกากกากอันนี้ ตามด้วยประชากรแมลงสาบ ที่แพ้ซ้ำซากจึงต้องคิดสั้น ตามรูปครับ gagagagagagagagagaga

ผมก็ไม่ทราบนะครับ ว่าในความคิดของสาบ-สลิ่มนั้น ทำไมจึงคิดว่าการเข้ามาเม้นต์ในเพจนี้ แล้วจะทำให้ผมตกอกตกใจไร เพจนี้ก็เปิดกว้างให้ทุกสีทุกฝ่าย ได้เข้ามาเม้นต์กันอย่างเสรีอยู่แล้ว ไม่เห็นตื่นเต้นไรเลยครับ มาเยอะๆยิ่งชอบครับ หนุกดีออก เข้ามาแล้วก็ช่วยอ่านบทความต่างๆ ที่ผมโพสต์เอาไว้ด้วยยิ่งดี จะได้เพิ่มรอยหยักในสมองให้มากขึ้น 

เอ้าาา...!! เพื่อให้ดูคล้ายพวกเดียวกัน ดูเนียนเข้าไปอีก แถมด้วยม๊อตโต้สไตล์ แก๊งค์หน้ากากล้มเจ้าให้ด้วยครับ

"บัดนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นแล้ว ข้าขอประกาศว่าเสียงสวรรค์จากการเลือกตั้ง ย่อมชนะพวกขี้แพ้ชวนตี"

"บัดนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นแล้ว ข้าขอประกาศว่าเสียงสวรรค์จากการเลือกตั้ง ย่อมชนะพวกขี้แพ้ชวนยุบสภาฯ"

"บัดนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นแล้ว ข้าขอประกาศว่าเสียงสวรรค์จากการเลือกตั้ง ย่อมชนะพวกขี้แพ้ชวนรัฐประหาร"

เอาไป 3 ม๊อตโต้ แค่นี้ "สาบ-สลิ่มก็อกแตกตายกันแล้วมั๊งครับ.......

ฮิ้ววววววว.....!!!

อภิปรายงบประมาณวันแรก พรรคประชาธิปัตย์หงอย “ด่าแต่แม้ว-ฉายหนังม้วนเก่า”

เริ่มต้นการอภิปรายงบประมาณ 2557 ด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีก็สั่งให้รัฐมนตรีที่มีแนวโน้มถูกพาดพิงเรื่องร้อนๆ แน่  เช่น เรื่องราคาไข่ไก่  เรื่องการจำนำข้าว เรื่องไฟฟ้าดับในภาคใต้   ขณะเดียวกันประชาชนก็คาดหวังว่าฝ่ายค้านจะมีประเด็นใหม่ ๆ หลักฐานเด็ดๆ มานำเสนอแก่ประชาชนเช่นเดียว

ผ่านไปวันแรกตั้งแต่เช้า หลังจากนายกรัฐมนตรีได้กล่าวนำเข้าสู่วาระการประชุมเสร็จแล้ว  ทางผู้นำฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เริ่มต้นพูด เสียดายอย่างยิ่ง ที่การพูดของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ หมดความน่าสนใจไปพอสมควร เพราะนอกจากไม่ได้นำเสนอความคิดใดใหม่ๆ แล้ว ยังพูดย้อนวนเวียนกลับไปในสมัยของตนเอง ย้อนกลับไปสมัยรัฐบาลก่อนหน้าตนเอง ย้อนไปไกลถึงสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร   พูดแค่ประเด็นเดียวว่า “ทำไมท่านไม่เอานโยบายรัฐบาลก่อนหน้านี้มาใช้”   ท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ขึ้นมาตอบทันทีตรงๆว่า “ผมยอมรับว่า ผมไม่ได้เอานโยบายของรัฐบาลก่อนมาใช้เลยจริงๆ  เพราะเราใช้นโยบายของเรา!” ตอกเจ็บไหมครับท่านอภิสิทธิ์

หลังจากนั้น ก็เข้าคิวมาเรื่องตั้งแต่เรื่องพลังงานไฟฟ้า ฝ่ายค้านเอาภาพ “โรงไฟฟ้าถ่านหิน” มาให้ดู ก็โดนฝ่ายรัฐบาลตอบกลับว่า ภาพที่นำมาใช้นั้น เป็นภาพโรงไฟฟ้าถ่านหินสมัยเก่า 30 กว่าปีที่แล้ว สมัยปัจจุบันโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นแบบกรีนเอนนิจี่ หรือพลังงานสะอาด ไม่ใช่แบบนั้น   ฝ่ายค้านก็หน้าแตกไป

ฝ่ายค้านไม่รู้จะต่อเรื่องอะไร ก็ยกเรื่องวอยซ์ทีวีมาด่าเล่น พาดพิงบุตรชาย-บุตรสาว อดีตนายกรัฐมนตรีพลางๆ โดยคนทั้งประเทศไม่รู้ว่า ข้อมูลนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ไปค้นหาเอง แต่ไปก็อปปี้มาจากอินเตอร์เนตมาอ่าน

เรื่อยมาจนหัวค่ำเข้าสู่ไฮไลท์ เรื่องจำนำข้าวของรัฐบาล ฝ่ายค้านก็นำเสนอดี มีภาพ ข้อมูลประกอบอ้างอิงบริษัทต่างๆภายนอกว่าให้ข้อมูลทุจริตมา มากมาย  แต่รัฐบาลก็ข้อมูลชัดเจน รัฐมนตรีช่วยฯ ณัฐวุฒิ ก็ลุกขึ้นมาอภิปรายชัดเจนเลยว่า ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาใช้นั้นเท็จ บริษัทที่อ้างอิงให้ข้อมูลนั้น  คือบริษัทที่เข้าร่วมโครงการและโกงทุจริตข้าวกับรัฐบาลซึ่งกำลังมีคดีกันอยู่  และตอกกลับฝ่ายค้านเรื่องข้าวเน่าว่าฝ่ายค้านเอาข้าวเน่าสมัยน้ำท่วมปี 54 มาอ้างเป็นข้าวเน่าปัจจุบันเพื่อหลอกคนทั้งประเทศว่ามีการทุจริต แต่จริงๆ ข้าวเน่านั้นเป็นข้าวจากสมัยน้ำท่วม

สรุปยกแรกการอภิปรายในวันแรก นอกจากสาระที่พอมีบ้างแล้ว ก็ไม่พบอะไรใหม่เลย ประเด็นก็เก่า อภิปรายกี่คำก็พาดพิง “ทักษิณ” จะพูดกี่เรื่องก็โยง “มีวันนี้เพราะพี่ให้”  พูดเยอะหน่อยก็ “ทุนสามานย์”   พอพูดพาดพิงคนนอกผิดกฎหมายก็บอกว่า “รัฐธรรมนูญให้สิทธิ์ผมพูด”  แถมอ้างอิงข้อมูลสุดฮา นอกจากอ้างอิงบริษัทที่มีคดีความโกงรัฐอยู่  ยังจนปัญญาหาข้อมูล ต้องไปก็อปปี้ลอก “กรูเกิ้ล” มาอ่านเพื่อล้มรัฐบาล!


ฝ่ายค้านฝีมือแย่แบบนี้ ควรปฏิรูปได้แล้วครับ

ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับ "เรืองไกร" ร้องค้านแก้รธน.ม.68,237


29 พฤษภาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (เดิม) อาคารบ้านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ได้มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นเวลา 11.45 น. ภายหลังการประชุมตุลาการฯ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้แจกเอกสารข่าวผลการประชุมว่า ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ว่า การที่แต่ละพรรคการเมืองและวุฒิสภาส่ง ส.ส.และส.ว.รวม 36 คน เข้าเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 68 และ 237 ตามสัดส่วน รวมถึงร่วมอภิปราย หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง รับคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตราดังกล่าว เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าการร่วมเป็นกรรมาธิการ ร่วมเป็นองค์ประชุมและใช้สิทธิอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาในการประชุมร่วมกันของ รัฐสภานั้น ยังไม่ได้ มีการกระทำที่แสดงให้เห็นถึง มูลกรณีว่าผู้ถูกร้องกระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครองจึงไม่เข้าลักษณะ การกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนหรือต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรค 1 จึงมีคำสั่งไม่รับวินิจฉัย

ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ใช้อาคารศาลรัฐธรรมนูญเดิม เป็นสถานที่ประชุมตามที่ตุลาการได้เคยตกลงไว้ว่าจะมาประชุมเดือนละครั้ง อย่างไรก็ตามในการประชุมไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องการกำหนดกระบวนการวิธี พิจารณา 4 คำร้องที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และ 237 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ เนื่องจากยังต้องรอผู้ถูกร้อง คือ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ในคำร้องของนายวรินทร์ เทียมจรัส ที่จะครบกำหนดระยะเวลาการยื่นหนังสือชี้แจงในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุญาตให้นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ และนายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ ผู้ถูกร้องในคำร้องของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากลับมาภายในวันที่ 13 มิ.ย. ตามที่ร้องขอว่าเพิ่งได้รับหนังสือแจ้งจากศาลเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ส่วนคำร้องของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ขอให้ศาลรธน.พิจารณาวินิจฉัยสั่งระงับการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ 68 และ 237 และให้ยุบ 6 พรรคการเมือง ที่เสนอชื่อในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมตุลาการ ยังอยู่ในชั้นการตรวจคำร้อง คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครั้งต่อไป.

รอดตายหวุดหวิด! การ์ดม็อบสนามหลวงสุดถ่อย จ้องกระทืบนักข่าวเอเชียอัพเดท


29 พฤษภาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุระทึกขวัญบริเวณท้องสนามหลวง เมื่อการ์ดม็อบสนามหลวงหรือม็อบเครือข่ายเดินทางไกลกอบกู้ราชอาณาจักไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายพันธมิตรฯที่นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แสดงอาการกร่าง ไล่ผู้สื่อข่าวขณะปฏิบัติหน้าที่ออกนอกพื้นที่การชุมนุม จำนวน 3 คน รวมทั้งแสดงอาการหยาบคายตลอดเวลาที่เข้าใกล้ผู้สื่อข่าวและรถของสำนักข่าว DNN (สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดท) รวมทั้งสะกดรอยตามนักข่าวทุกสำนักด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร 

เป็นเรื่อง!!! ชาวเน็ตรุมถล่ม "ทหารยศสิบเอก" ขู่ยิงเสื้อแดงด้วยกระสุนที่ซื้อจากภาษีประชาชน


29 พฤษภาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจำนวนมากต่างแสดงความไม่พอใจที่มี "ทหารยศสิบเอก" โพสต์ข้อความ ประกาศจะยิงศีรษะเสื้อแดงด้วยกระสุนที่ซื้อมาจากภาษีประชาชน ทั้งนี้ ความไม่พอใจดังกล่าวได้ขยายเป็นวงกว้างและเป็นประเด็นร้อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ล่าสุดชาวเน็ตระบุว่า "ทหารยศสิบเอก" ดังกล่าว ได้ปิดหน้าเพจของตนเองแล้ว ทางด้าน "กองร้อยบิน กองพลทหารราบที่ 4" ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ "ทหารยศสิบเอก" จำเป็นต้องเผยแพร่ข้อความ "ขอโทษ" อย่างไม่เป็นทางการต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว หลังทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนไม่ไหว 


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กองทัพไทยมีปัญหาทางด้านความเชื่อมั่นของประชาชน แม้จะมีการสร้างภาพลักษณ์ผ่านสื่อกระแสหลักด้วยงบประมาณมหาศาล 

ด่วน! ศาลอาญาชี้ "ฟาบิโอ" ช่างภาพอิตาลี เสียชีวิตกระสุนเร็วสูงฝั่งทหาร

ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำสั่งสาเหตุการตายช่างภาพอีตาลี ช่วงสลายม็อบ ปี 53 จากระสุน .223 ฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร 


29 พฤษภาคม 2556 go6TV - ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำสั่งคดีที่ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพ การเสียชีวิตของ นายฟาบิโอ โปเลงกี (FABIO POLENGHI) ช่างภาพชาวอิตาลี จากเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงขอให้ศาลทำการไต่สวนและมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ครบถ้วน

ทั้งนี้ ศาลพิเคาะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและมารดาผู้ตายแล้ว ชี้ได้ว่า นายฟาบิโอ ผู้ตาย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เวลา 11:30 น. โดยเหตุและพฤติกรรมแห่งการตาย สืบเนื่องมาจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืน ขนาด .223 เป็นเหตุให้เกิดบาดแผลกระสุนปืนทะลุหัวใจ ปอด ตับ เสียโลหิตปริมาณมาก โดยมีวิถีกระสุนปืนยิงมาจากด้านเจ้าพนักงาน ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาควบคุมพื้นที่จากทางแยกศาลาแดง  มุ่งหน้าไปแยกราชดำริ โดยหลังจากนี้ ศาลจะส่งคำสั่งคดีการเสียชีวิตให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีต่อไป

ศาลอาญาสั่งคดี ฟาบิโอ-ช่างภาพอิตาลี "เป็นการตายจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกระสุนความเร็วสูง มาจากฝั่งทหาร"

วันที่ 29 พฤษภาคม 2556 (go6TV) ศาลอาญามีคำสั่งในคดีของช่างภาพอิตาลี "ฟาบิโอ" ที่ตายในระหว่างการสลายการชุมนุม 19 พ.ค. 53 ว่า "เป็นการตายจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกระสุนความเร็วสูง มาจากฝั่งทหาร" จากนี้ จะต้องนำคดีไปเริ่มต้นตั้งข้อหาใหม่และนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อไป และนับเป็นคดีที่ 5 ที่ศาลอาญามีคำสั่งชัดเจนเช่นนี้

กวป. ตามติดท่าทีศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68

การประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ (29 พ.ค.2556) มีการพิจารณาคำร้องกรณีประธานรัฐสภา คณะ ส.ส. และ ส.ว.312 คน ใช้อำนาจแก้รัฐธรรมนูญโดยไม่ชอบ ตามมาตรา 68 ท่ามกลางกลุ่มมวลชนเสื้อแดงในนาม กวป.ปักหลักชุมนุมติดตามการพิจาณาของตุลาการที่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป.เดินทางชุมนุมหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.2556)  โดย นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป.ระบุเบื้องต้น กวป.จะปักหลักชุมนุมอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน เพื่อติดตามท่าทีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาคำร้องกรณีเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนจะชุมนุมใหญ่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ในเดือนก.ค.2556 โดยมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียงจากเวทีหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านเว็บไซท์  http://www.thaivoice.org

ซึ่งการประกาศเดินทางมาชุมนุมของกลุ่ม กวป. ทำให้มีการจัดกำลังตำรวจจากนครบาล ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งกองร้อยปราบจราจล 1 กองร้อย เฝ้าระวังความปลอดภัย

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีวาระการประชุมวันนี้ (29 พ.ค.2556) เพื่อพิจารณาวินิจฉัยคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 237 ของ ประธานรัฐสภา คณะส.ส.และ ส.ว. ทั้ง 312 คน เป็นการตัดสิทธิบุคคลในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งกระบวนการชั้นนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางว่า ผู้ถูกร้องชี้แจงข้อกล่าวหาครบถ้วนและมีพยานหลักฐานเพียงพอพิจารณาวินิจฉัยได้เลยหรือไม่ หรือ ศาลต้องไต่สวนเพิ่มเติม และจะใช้วิธีไต่สวนอย่างไรขึ้นอยู่กับการประชุม

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ครม. เห็นชอบกรอบนโยบายรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ


28 พฤษภาคม 2556 go6TV - นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแผนบูรณาการการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในองค์รวม โดยจะมีการออกมาตรการต่าง ๆ ทั้งมาตรการเร่งด่วน มาตรการภายใน 6 เดือน และมาตรการระยะยาว โดยขอให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ติดตามและรายงานครม. รับทราบ

“ในวันนี้ กระทรวงการคลัง และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้มีการเสนอกรอบนโยบายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจใน 3 ด้าน การเงิน การคลัง และ เฉพาะด้าน โดยให้ทุกหน่วยงานทบทวนแผนงาน และมีการบูรณาการแผนให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ และยืนยันว่าวันนี้ที่มีการเชิญธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มา ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ถือเป็นการทำงานร่วมกัน” นายกฯ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบ “กรอบการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจปี 2556″ เพื่อการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพระยะสั้น ด้วยการดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ดูแลการดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงินให้มีความสอดคล้องกัน สร้างความเชื่อมั่นในต่างประเทศ โดยผ่านการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและการเยือนต่างประเทศของคณะผู้แทนของประเทศ และรักษาอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างฐานการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนในประเทศ โดยเพิ่มศักยภาพของรายได้เดิมและสร้างรายได้ใหม่ สนับสนุนการสร้างรายได้จากต่างประเทศด้านการส่งออกและการท่องเที่ยวและการลงทุนในภาคธุรกิจที่เหมาะสม ดำเนินนโยบายการคลังที่มีวินัย ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและโครงสร้างภาษี

สำหรับการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ประกอบด้วย มาตรการด้านการเงินซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มาตรการด้านการคลัง อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง และมาตรการเฉพาะด้าน อยู่ภายใต้หน่วยงานหลักคือกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ

ทั้งนี้ มาตรการด้านการเงิน ประกอบด้วย การซื้อขายเงินตราต่างประเทศในอัตราแลกเปลี่ยน, ดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย, มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน, พิจารณาใช้มาตรการจำกัดเงินทุนไหลเข้าอย่างระมัดระวังเมื่อจำเป็น, บริหารจัดการเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ, บริหารจัดการเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ, ช่วยเหลือภาคธุรกิจให้สามารถลดผลกระทบค่าเงินบาท และ สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน มาตรการด้านการคลัง ประกอบด้วย การกำกับดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณ, ดำเนินการาโครงการลงทุนขนาดใหญ่, กำหนดให้รัฐวิสาหกิจชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้เงินตราต่างประเทศ, ดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างภาษี, สนับสนุนด้านสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเอกชนไปลงทุนต่างประเทศในภาคธุรกิจที่เหมาะสม

ส่วนมาตรการเฉพาะด้าน ได้แก่ ด้านการเกษตร เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร ด้าน SMEs เพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 40 ของจีดีพี ด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขยายการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี ด้านท่องเที่ยว เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า ด้านการส่งออกขยายตัวร้อยละ 9 ในปี 2556 ด้านพลังงาน มีแหล่งพลังงานที่มั่นคงในราคาเหมาะสม ด้าน ICT ยกระดับเทคโนโลยีและการเข้าถึงบริการ ด้านผู้มีรายได้น้อย สร้างรายได้และกำลังซื้อ ลดต้นทุนประกอบอาชีพ

หมายเหตุ - กราฟิกอ้างอิงจาก เฟสบุ๊ก นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี https://www.facebook.com/Sand.Chayika

สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ระบุราคาไข่ขึ้น-ลงตามกลไกการตลาด วอนสื่ออย่าชี้นำ หยุดใช้คำว่าไข่แพง

28 พฤษภาคม 2556 go6TV - นายมงคล พิพัฒน์สัตยาวงศ์ สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยว่า ราคาไข่ไก่ที่ปรับตัวสูงขึ้น ไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นทางการเมือง และสื่อมวลชนควรหยุดใช้คำว่า "ไข่แพง" แต่ควรพิจารณาอย่างเป็นธรรม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยราคาไข่ไก่ที่สูงขึ้นในขณะนี้เป็นผลมาจากอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิปรับตัวขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขาดน้ำ แม่ไก่อ่อนแอ การออกไข่ลดลง ปริมาณไข่ที่ออกสู่ตลาดลดลงตามไปด้วย โดยวันนี้ (27 พ.ค.) มีประมาณ 30 ล้านฟอง ต่ำกว่าปริมาณความต้องการที่ 32 ล้านฟองต่อวัน ซึ่งการเปิดเทอมไม่ส่งผลให้ความต้องการไข่ไก่เพิ่มขึ้น   สถานการณ์การดังกล่าว จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เมื่อฝนตกอากาศเริ่มเปลี่ยนทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีศักยภาพการผลิตสินค้าที่หลากหลาย สามารถบริโภคสินค้าอย่างอื่นทดแทนไข่ไก่ได้ ดังนั้นเมื่อไข่ไก่มีราคาแพงจนผู้บริโภครับไม่ได้ สุดท้ายราคาก็จะปรับตัวลดลง ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยที่ต้องไม่บิดเบือน นโยบายทุกอย่างควรเปิดโอกาสให้กับผู้เลี้ยงไก่ไข่ด้วย



นายมงคล กล่าวเพิ่มเติมว่า วงการไก่ไข่ของไทย มีการขาดทุนต่อเนื่องเมื่อ 15 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง ต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาไข่ไก่ปรับตัวลดลง เพราะผลผลิตมีมากเกินความต้องการ การระบายไข่ไก่ออกตลาดประเทศเพื่อนบ้านทำได้ยาก ทั้งหมดทำให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยต้องปิดตัวลง ผู้ประกอบการขนาดกลางต้องลดกำลังการผลิต มีเพียงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ได้เพราะมีรายได้จากธุรกิจอื่นมาสนับสนุน ปัจจุบันเมื่อสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น ผู้เลี้ยงจะเริ่มมีกำไร ก็มีการเรียกร้องถึงราคาไข่แพง ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ขอวอนขอไปถึงพรรคการเมืองบางพรรค ที่เอาประเด็นราคาไข่มาโจมตีกันไปมา ขอให้อย่าโยงให้เป็นประเด็นทางการเมือง ขอให้คนเลี้ยงไก่อยู่ได้บ้าง
    

จับตา "สมเกียรติ-สุทธิชัย หยุ่น" จับมือยึดไทยพีบีเอส ตั้งป้อมถล่มรัฐบาล



28 พฤษภาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมเกียรติ อ่อนวิมล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เตรียมตัวเป็นผู้ดำเนินรายการ "ที่นี่TPBS" ร่วมกับนายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยมีข้อความดังนี้ 

"ผมลาออกจากตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร และ ผู้อำนวยการ Spring News แล้วเมื่อวันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 กลับมาใช้ชีวิตเป็นส่วนตัวกับการอ่านหนังสือเขียนหนังสือเป็นหลัก จะขอพักชั่วคราว ไม่รับเชิญไปบรรยายสาธารณะหรืองานสอนหนังสือประจำ จนกว่าจะปีหน้า ตามคำเชิญของ ผอ.สมชัย สุวรรณบรรณ แห่ง TPBS เริ่มเดือนหน้าเป็นต้นไปผมจะมีงานร่วมออกรายการวิจารณ์ข่าวต่างประเทศเฉพาะคืนวันพุธ เป็นส่วนย่อยของรายการ "ที่นี่ TPBS" ของ ดร.ณัฏฐา กมลวาทิน รายการ ที่นี่ TPBS ยาวหนึ่งชั่วโมง ช่วงวิจารณ์เรื่องต่างประเทศยาว 8 นาที จะมีสื่อมวลชนอายุมาก คือผม และ คุณสุทธิชัย หยุ่น กับอีกสามท่านสลับวันกันมาร่วมรายการ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ขออภัยท่านที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในชีวิตการงานของผมในครั้งนี้ด้วย."


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ประชาชนจำนวนมากในเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไทยพีบีเอสเสนอข่าวแต่กลุ่มองค์กรเอกชน หรือเครือข่ายเอ็นจีโอ จนได้รับฉายาว่า NGOTV รวมทั้งการที่ไทยพีบีเอสให้น้ำหนักในการนำเสนอข่าวที่อยู่ขั้วตรงข้ามรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยแทบจะไม่มีการเสนอข่าวของรัฐ จึงทำให้ภาพของทีวีไทยในด้านความเป็นอิสระของ “สื่อสาธารณะ” ไม่ได้มีความโดดเด่นไปจากสื่อโทรทัศน์อื่น แต่กลับทำให้ไทยพีบีเอสกลายเป็น "ทีวีจอฟ้าเหลือง" ไม่ต่างจากบลูสกายชาแนล และเอเอสทีวี มีแนวโน้มที่ไม่เป็นอิสระแต่กลับนำเสนอเนื้อหาเข้าข้างกลุ่มผู้ประท้วงที่อยู่ขั้วตรงข้ามรัฐบาล

เป็นที่น่าสังเกตว่า ไทยพีบีเอส มีกำเนิดจาก พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ที่รัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ หลังการรัฐประหารในปี2549 ที่ยึดสถานีโทรทัศน์ไอทีวีมาตั้ง TPBS ที่ปัจจุบันถลุงเงินจาก "ภาษีบาป" หรือเงินภาษีสุราและยาสูบของประชาชน ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวมากว่า 12,000 ล้านบาท ตลอดการดำเนินงานกว่า 6 ปี

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวดี! "โลตัส-บิ๊กซี" ขายไข่ไก่ใบละ 3 บ. 28-31 พ.ค.นี้

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาไข่ไก่ว่า จากการตรวจสอบราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มในพื้นที่ต่าง ๆ พบว่า ราคาส่วนใหญ่อยู่ที่ฟองละ 3.30 บาท แต่บางที่ถูกกว่านี้และไม่ได้มีการปรับราคาสูงขึ้นตามที่มีข่าวว่าผู้เลี้ยงจะปรับราคาไข่ไก่คละเป็นฟองละ 3.90 บาทแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในออกตรวจสอบราคาในพื้นที่ที่มีข่าวว่าไข่ไก่คละมีราคาแพง เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะกระทรวงฯมีความเป็นห่วงสถานการณ์ราคาไข่ไก่ที่เกิดขึ้น

"เราไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ ต้องดู 2 ฝั่ง ทั้งฝั่งผู้บริโภคจะต้องไม่บริโภคไข่ในราคาที่แพงเกินไป และฝั่งผู้ผลิตก็ต้องอยู่ได้ เหมือนเชือก จะดึงให้ตึงฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ได้ แต่ไม่ควรจะมีเชือกการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง" รมช.พาณิชย์กล่าว


นายณัฐวุฒิกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ราคาแพงว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานไปยังผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งได้รับปากว่าจะตรึงราคาจำหน่ายในราคานี้ ไม่ปรับขึ้นราคา และยังได้ประสานไปยังห้างค้าปลีกรายใหญ่ ทั้งเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ให้ช่วยขายไข่ในระดับราคาที่เหมาะสม รวมทั้งได้ประสานผู้ผลิตนำไข่ไก่มาขายในโครงการไข่ไก่ธงฟ้า โดยขายไข่ไก่เบอร์ 3 ฟองละ 3 บาท หรือถาด (30 ฟอง) ละ 90 บาท ตั้งแต่วันที่ 28-31 พ.ค.นี้ ที่กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ

"หนุ่ย-พงศ์สุข" ด่าเสื้อแดง "วันครบรอบ 3 ปีเผาเมืองอะไรกัน"

วันที่ 27 พฤษภาคม 2556 (go6TV) รายการแบไต๋ไฮเทค Daily เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ตอนที่ 737 พิธีกรของรายการได้พูดในรายการพาดพิงถึงการครบรอบ 3 ปีสลายการชุมนุม “ครบรอบ 3 ปี เผาเมือง” สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนทั่วไปจำนวนมาก

นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรและเจ้าของรายการแบไต๋ ได้กล่าวในรายการแบไต๋ ออกาอากาศสดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ในนาทีที่ 2.25 น.ถึงนาทีที่ 2.35 น.ได้กล่าวพาดพิงเหตุการณ์สลายการชุมนุมของรัฐบาลจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 91 ศพ ว่าเป็นเหตุการณ์ “ครบรอบ 3 ปี เผาเมือง” โดยมีข้อความดังนี้

หนุ่ย: วันนี้คุณเป็นประธานชมรมกีฬาสีอะไรหรือเปล่าเนี้ย แดงเถือกขนาดนี้
พิธีกรร่วม: คือวันนี้ของในตู้ มันแม็ทชิ่งกันพอดีก็เลยหยิบๆ มานะฮ่ะ
หนุ่ย: ไม่เกี่ยวอะไรกับ วันครบรอบสามปงสามปีเผาเมืองอะไรกัน ไม่เกี่ยวนะ
พิธีกรร่วม: วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้ไปไง เลยไม่ได้ใส่

คำพูดดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้ประชาชนทั่วไปที่รักความยุติธรรมว่าพิธีกรดังกล่าวไม่สมควรพูดใส่ร้ายถึงผู้เสียชีวิตแบบนั้น อีกทั้ง นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ก็รับงานอีเว้นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรับเหมางานอีเว้นท์ของกระทรวง ICT และ กระทรวงศึกษาธิการ อีกด้วย