วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อนาถ! คาเธย์แปซิฟิก ปกป้องแอร์สาวแก่จ้องราดกาแฟใส่อุ๊งอิ๊ง ไม่มีความผิด


30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดกระแสข่าวเครือข่ายสังคมออนไลน์ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา กรณี ผู้ที่ใช้ชื่อ Honey Lochanachai  แอร์โฮสเตสสาวแก่ สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค โพสต์ข้อความแสดงความอาฆาต โดยมีความคิดมุ่งทำร้ายผู้โดยสารลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก กรณีไม่พอใจ ที่เห็น "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนสุดท้อง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้โดยสารในเที่ยวบินเดียวกัน โดยคิดที่จะทำร้ายด้วยการสาดกาแฟร้อนใส่หน้า

กรณีดังกล่าว ทำผู้โดยสารท่านอื่นและประชาชนทั่วไปรู้สึกเจ็บแค้นแทน นางสาวแพรทองธาร โดยได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง สายการบิน ต้นสังกัด ให้ลงโทษการกระทำของแอร์โฮสเตสสาวรายนี้แล้วนั้น 
ล่าสุด ในเวลา 20.20น. ที่ผ่านมา สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ชี้แจงผ่าน เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/cathaypacificTH ระบุว่า ทางสายการบินได้รับทราบเรื่อง และจะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว ข้อความในโพสต์ได้ระบุถึงเที่ยวบินที่ได้มีการเดินทางเสร็จสิ้นแล้วและไม่มีการรายงานเหตุการณ์ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพนักงานต้อนรับในเที่ยวบินนั้น 

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนจำนวนมากกล่าวตำหนิสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ลงในเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก อาทิ ทำไมพนักงานต้อนรับสายการบินนี้มีนืสัยแย่มากๆไม่รู้จักคำว่าลูกค้าเหรอ โหงั้นไม่พอใจใครก็คงจะเข้าไปทำร้ายลูกค้าหรือบอกข้อมูลการบิน น่ากลัวจังต้องบอกเพื่อนๆและคนรู้จักให้เลิกใช้บริการสายการบินนี้แล้วน่ากลัวชะมัดแอร์ที่นี่ และ ขณะนี้การเดินทางของคุณอุ้งอิ้ง(แพรทองธาร)ในเที่ยวบินนั้น ได้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะโดยพนักงานของคุณไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้คุณอุ้งอิ้งอาจจะอยากเปิดเผยหรือไม่อยากจะเปิดเผยให้ใครรับรู้ก็ได้ กับการเดินทางในเที่ยวบินวันนั้น ซึ่งถ้าเธอไม่ต้องการจะให้เป็นที่เปิดเผย ก็ถือได้ว่าคุณอุ้งอิ้งได้รับผลกระทบและเสียหายไปแล้ว เพราะเธออาจจะมีความต้องการที่จะปิดบังไม่อยากจะให้บุคคลใดบุคคนหนึ่งได้รู้ถึงการเดินทางของเธอก็ได้ เป็นต้น 
ภาพข่าว แอร์โฮสเตสคาเธ่แปซิฟิค "อมนกเขา" นักบินบนสื่อต่างประเทศ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค เป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่ถูกวิจารณ์เรื่องภาพลักษณ์ที่ตกต่ำของสายการบินบ่อยครั้ง โดยก่อนหน้านี้ เกิดเหตุแอร์โฮสเตสสาวทำออรัลเซ็กส์ให้กับนักบินบนเครื่องบิน ซึ่งภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ผลสำรวจจากกรุงเทพธุรกิจ ระบุว่า ผู้บริโภคนิยมเดินทางกับสายการบินแอร์เอเชียและเจทสตาร์ มากกว่าสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เผยนักบิน-แอร์"คาเธ่ย์ แปซิฟิก"พ้นสภาพพนักงานแล้ว หลังก่อเหตุ"ออรัลเซ็กส์"-บ.ชี้กระทบภาพรวม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313296210&grpid=01&catid=&subcatid

คาเธ่ย์ แปซิฟิคสอบสวนหนัก ภาพหลุดแอร์โฮสเตสออรัลเซ็กส์นักบิน

http://news.tlcthai.com/news/8896.html

“สดศรี” แนะปัญหาการเมือง ไม่ควรเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง



วันนี้ (30พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันหลังจากที่มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม องค์การพิทักษ์สยามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักการเมืองต้องตระหนักถึงสาเหตุว่าเหตุใด ประชาชนถึงไม่พอใจและต้องการแช่แข็งนักการเมือง ดังนั้นตนจึงเห็นว่าปัญหาที่เกี่ยวกับการเมือง จะต้องแก้ด้วยนักการเมืองที่จะต้องมา พูดคุยกัน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาของประเทศ ส่วนกรณีที่พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ได้ออกมาระบุว่า ในการชุมนุมครั้งต่อไปอาจมีการใช้อาวุธ เพื่อให้ผู้ชุมนุมป้องกันตัวนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการทำงานของรัฐบาล เพื่อสร้างความชัดเจนในสิ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมอยากทราบ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.บุญเลิศได้นำคลิปวิดีโอที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนพูดจา ในลักษณะที่เข้าข่ายล่วงละเมิดสถาบันนั้น มองเรื่องนี้อย่างไร นางสดศรี กล่าวว่า  เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป แต่ในส่วนของกกต. อยากให้ทุกพรรคการเมือง นักการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตระหนักให้สถาบันอยู่เหนือการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สุด เนื่องจากกกต. เคยเรียกประชุมพรรคการเมือง และมีการปฎิญาณตนว่าจะไม่นำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง.

ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำสั่งประมูล คดี 3 จี จันทร์ที่ 3 ธันวาคม เวลา 13.30 น.


30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - ศาลปกครองกลาง มีหมายแจ้งนัดคู่กรณีมาฟังคำสั่งศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ 2865/2555 ระหว่าง ผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผู้ฟ้องคดี) กับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในประเด็นเกี่ยวกับคำเสนอเรื่องพร้อมความเห็นและคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดี ในวันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2555 เวลา 13.30 น. ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง  เรื่อง  คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ขอให้เพิกถอนการดำเนินการสำนักงาน กสทช. ในการจัด 3G)

คดีนี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฟ้องว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้จัดให้มีการประมูลคลื่นความถี่ตามประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications-IMT) ย่าน 2.1GHz พ.ศ.2555 พร้อมทั้งออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ดังกล่าว โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการดำเนินการพร้อมทั้งประกาศที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ดังกล่าว และขอให้ชะลอการอนุญาตดังกล่าวไว้ก่อน

คาเธย์ แปซิฟิก ฮ่องกง ตั้งกรรมการด่วน "แอร์โฮสเตทสาว" คิดอาฆาตร้ายสาดกาแฟใส่ “แพทองธาร”

30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - นายยงยุทธ์ ลุจินตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทยและพม่า สายการบินคาเธย์ แปซิฟิก เปิดเผย "มติชนออนไลน์" ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานใหญ่สายการบินคาเธย์ แปซิฟิก ในฮ่องกง ได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 โดยออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที ที่มีกระแสข่าวแพร่สะพัดถึงกรณีของลูกเรือสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก  กระทำผิดมารยาทในระหว่างการให้บริการผู้โดยสารเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-ฮ่องกง โดยจะดำเนินการสรุปแล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะด้วยข้อมูลที่ถูกต้องให้เร็วที่สุด

โดยได้แต่งตั้งฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล  ฝ่ายบริหารพนักงานให้บริการบนเครื่องบิน และ ฝ่ายอื่น ๆ เข้ามาร่วมเป็นผู้พิจารณาในคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งเน้นการสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

พร้อมทั้งกำหนดขั้นตอนการทำงานชัดเจน เริ่มต้นจากการตรวจสอบหาข้อมูลเบื้องต้นลงมือตรวจสอบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อรวบรวมได้ทั้งหมดแล้ว หากพบพนักงานที่ถูกกล่าวถึงในสังคมออนไลน์กระทำผิดจริง ทางบริษัทจะประกาศบทลงโทษพนักงานต่อไป

เพราะทางสำนักงานใหญ่และบริษัทได้กำหนดนโยบายสูงสุดที่พนักงานทุกระดับต้องยึดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือจะต้องเป็นสายการบินระดับนานาชาติที่ให้บริการลูกค้าดีที่สุด โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ๆ ก็ตาม

อย่างไรก็ตามทางสำนักงานใหญ่สายการบินคาเธย์ แปซิฟิก ยืนยันจะเร่งตรวจสอบข้อมูล โดยให้คณะกรรมการบริหารที่ได้รับการแต่งตั้งสรุปข้อมูลเพื่อนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะทั่วโลกทันทีภายใน 1-2 วันนี้

"อุ๊งอิ๊ง" ไม่โกรธ หลังแอร์สาวแก่มุ่งอาฆาตวางแผนนำกาแฟร้อนสาด

30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หลานสาวนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นบุตรสาวของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์อินสตาแกรม (Instagram) กรณี แอร์โฮสเตสสาวแก่ของสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ที่มีความคิดมุ่งอาฆาต และจ้องทำร้าย นางสาวแพทองธาร บนเครื่องบิน ด้วยการนำเครื่องดื่มร้อน สาดใส่หน้าและบริเวณศีรษะ ระหว่างเดินทางไปยังฮ่องกง  โดยมีข้อความดังต่อไปนี้


“แค่เดินทางไปหาพ่อเพราะคิดถึงและเดินทางไปทำงานเพราะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าเคยทำอะไรให้โกรธก็ขอโทษด้วยละกันนะคะ ไม่คิดว่าจะมีความคิดแบบนี้ เพราะเดินทางบ่อยก็เจอแต่แอร์น่ารักๆทั้งนั้น”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก ต่างโพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เป็นจำนวนมาก อาทิ "สายการบินไรนิ จะได้ไม่ต้องใช้บริการ แอร์มีจิตใจอย่างนี้นะน้องออกมาอยู่บ้านดีกว่าจิตใจต่ำแต่บินสูง ใครรู้ช่วยบอกสายการบินไรจะได้ให้รู้ไปว่ามีแอร์จิตใจอย่างนี้อยู่แล้วการบินคุณจะเจริญ" และ "ทนไม่ไหวก็โดดเครื่องบินตายไปเลยซี่ อีตัวอิจฉา" เป็นต้น







ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด ทางผู้บริหารระดับสูงของสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคอยู่ระหว่างการหารือโดยคาดว่าจะมีมาตรการลงโทษขั้นสูงสุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป



แกรมมี่ดึง "นีโน่" ลุยรายการ "กินกับเจ้า"




30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม GMM ONE (ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่) เตรียมออกอากาศรายการ "กินกับเจ้า" เนื้อหาของรายการเป็นการนำเสนอไลฟ์สไตล์ของผู้คนในสังคมชั้นสูง อาทิ ผู้ที่มีฐานันดรศักดิ์ในระดับหม่อมราชวงศ์ หรือหม่อมหลวง ดำเนินรายการโดย นายเมทนี บุรณศิริ (นีโน่) ทั้งนี้รายการดังกล่าวยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่คาดว่าจะถูกออกอากาศตอนแรกในช่วงเดือนมกราคม 2556

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ต้นตระกูล “บุรณศิริ” สืบเชื้อสายจากพราหมณ์เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เข้ารับราชการในประเทศไทยตั้งแต่สมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา โดยในช่วงรัชกาลที่ 4 ต้นตระกูล “บุรณศิริ” ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าพระยาธรรมกรณาธิบดี” เสนาบดีกระทรวงวัง ต่อมาเมื่อชราได้รับพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯเปลี่ยนราชทินนามเป็น “เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี” ในแผ่นดินถัดมา รัชสมัยสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เจ้าพระยาสุรธรรมมนตรีได้ขอพระราชทานนามสกุลจากรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานนามสกุล “บุรณศิริ” และใช้สืบมาจนถึงปัจจุบัน 

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แอร์โฮสเตสคลั่งม็อบแพ้! เกือบสาดกาแฟใส่หน้า "แพทองธาร ชินวัตร" บนเครื่องบิน!

29 พฤศจิกายน 2555 go6TV - กระหึ่มโลกโซเชี่ยลมีเดีย เมื่อมีบุคคลหนึ่งอ้างตนว่าเป็นพนักงานบริการประจำเครื่องบิน สายการบินหนึ่ง ได้เขียนข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว แสดงความคับแค้นใจ เมื่อได้พบว่า เที่ยวบินที่ตนกำลังให้บริการ มีผู้โดยสารนามสกุล “ชินวัตร” และกำลังเดินทางจากกรุงเทพ ไปยังฮ่องกง  เธอบรรยายความคลั่งแค้น ที่ม็อบเสธ.อ้าย พ่ายแพ้ราบคาบเมื่อวันก่อน และยิ่งโกรธเมื่อรู้ว่า เธอต้องให้บริการ “บุคคลวีไอพี” ที่เธอรังเกียจจนถึงขนาดขอเปลี่ยนเที่ยวบิน แต่ได้รับการปฏิเสธ เลยเถิดถึงขนาดว่าจะหาทางกลั่นแกล้งทางใดทางหนึ่งระหว่างอยู่บนเครื่องบินเช่นการสาดกาแฟใส่หน้า  โดยข้อความทั้งหมดที่เธอเขียนนั้น มีดังนี้

“เศษกระดาษแผ่นนี้พวกอาชีพเดียวกับฉันรู้ดีว่ามันคืออะไร ดูชื่อผู้โดยสารของฉันวันนี้เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปฮ่องกงเช้านี้สิ ตอนที่รู้ว่ามีผู้โดยสารคนนี้บนเครื่อง ประตูเครื่องกำลังจะปิดพอดี

ที่จริงฉันเคยได้ยินเพื่อนๆบอกว่าไอ้อีตระกูลนี้ มันเดินทางไปฮ่องกงกับพวกเราบ่อยๆ ฉันยังเคยคิดว่าถ้ามีพวกมันบนเครื่อง ก็ต้องไม่มีฉันทำงานบนนั้น.

ฉันรีบบอกหัวหน้าว่าวันนี้คงทำงานไม่ได้แล้ว หัวหน้าตกใจว่าเป็นไร เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ ไฟลท์ก็เต็ม ถ้าอยู่ๆใครไม่ทำงานซักคนที่เหลือก็เหนื่อยเลยนะนั่น

พอบอกเหตุผล หัวหน้าก็น่ารักบอกว่าเดี๋ยวย้ายให้ไปทำงานจุดอื่นไม่ต้องเจอกับมันก็ได้ แล้วเตรียมออกเดินทาง ฉันรีบโทรหาที่ปรึกษาด่วน บอกว่าเอาอะไรไปราดหัวมันในไฟลท์นี้ได้มั้ย ได้คำแนะนำว่าอย่าทำ เพราะจะผิดกฎหมายฮ่องกงและไม่คุ้มค่ากัน ความรู้สึกโกรธ เกลียดพวกมันยังไม่จางหายจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวาน ทำให้คับแค้นใจยิ่งขึ้นจนน้ำตาไหลออกมา

ขณะเครื่องบินขึ้นฉันนั่งสงบสติอารมณ์ จนดีขึ้นแล้ว ก็คิดได้ว่า คนตระกูลนี้มันทำลายความสุขของคนไทยมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ให้โอกาสพวกมันทำลายความสุขและความดีอีก ใจก็สงบขึ้นมาบ้าง บอกหัวหน้าว่าจะทำงานตามปกติ หัวหน้าก็ตกลงแต่ไม่ต้องไปบริการมัน (คงป้องกันปัญหาด้วย) ตลอดเที่ยวบินมันสวมแว่นกันแดดและหลับเป็นส่วนใหญ่

มีแอบคิดแผนกับน้องคนไทยที่ไม่ชอบพวกมันเหมือนกัน ว่าจะเข้าไปพูดถากถางพ่อมันก่อนเครื่องลงดีมั้ย. แต่แล้ว สติก็ทำงานมากกว่าอารมณ์ ไม่เข้าไปตอแยกับมัน รู้สำนึกว่า ทำไปก็ไม่มีผลต่อคนที่จิตสำนึกบอดอย่างพวกมัน แถมเราอาจจะต้องเพิ่มภาระเรื่องที่ต้องต่อสู้ขึ้นอีก "อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง"

ฉันนั่งสงบใจคิดขณะเครื่องลง ความรู้สึกของเสธ. อ้าย ตอนที่พูดคำว่า " เสธ. อ้าย ได้ตายไปแล้ว " เมื่อเย็นวานนี้ คงเจ็บปวดมากกว่าฉันตอนนี้นัก ฉันกลั้นน้ำตาที่อยากไหลออกมาไว้แค่นั้น กลืนมันกลับเข้าไปในอก. บอกตัวเองว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนเลวในบ้านเมืองอย่างมีสติ ด้วยปัญญา และความถูกต้องชอบธรรม

อย่างน้อยวันนี้ ฉันเอาชนะความโกรธ ความเกลียดอย่างแรง ที่มีอยู่ ไม่ให้มันมามีอำนาจสร้างปัญหาเพิ่มทุกข์ให้ฉันได้

แพรทองธาร วันนี้ไม่โดนฉันเอากาแฟสาดหน้า แต่มันไม่รู้ว่าฉันจะต่อสู้ ทำให้พวกมันไม่ได้อยู่เป็นเสนียดจัญไรบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป





"มอลลี่" อ้างเป็น "ประธานชมรมเครือข่ายนักรบไซเบอร์" โผล่ DSI ฟ้องหมิ่นฯ


วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) น.ส.มัลลิกา  บุญมีตระกูล  รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์  เข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ  เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่ยื่นขอให้ดีเอสไอตรวจสอบเว็บไซด์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ ว่าด้วยการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยกล่าวว่า เข้าให้ปากคำตามหมายเรียกของดีเอสไอ ซึ่งระบุว่าหากไม่มาให้ปากคำในวันนี้  ( 29 พ.ย.) จะยกเลิกการทำคดี  ตนจึงต้องเข้ามาให้ข้อมูลด้วยตัวเอง  อย่างไรก็ตาม  ก่อนหน้านี้ตนเคยยื่นหลักฐานรายชื่อเว็บไซด์ที่เข้าข่ายล่วงละเมิดสถาบัน  400 URL ให้ดีเอสไอตรวจสอบแล้วแต่ดีเอสไอยังไม่แจ้งความคืบหน้าใด ๆ ให้ทราบ ขณะที่ปัจจุบันพบว่ามีเว็บไซด์ทางสื่อออนไลน์หลายช่องทางมีการโพสต์ข้อความที่เป็นการล่วงละเมิดอีกจำนวนมาก  โดยตนจะนำข้อมูลที่รวบรวมได้เพิ่มเติมมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วยเป็นรายชื่อเว็บไซด์หมิ่นอีก 50 เว็บไซด์
 รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า  พบข้อสังเกตเกี่ยวกับเว็บไซด์หมิ่นสถาบันบางส่วนมีความเชื่อมโยงกับผู้สนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค และรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเร่งดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างจริงจัง เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างและถือเป็นบทเรียนให้กับผู้ที่กำลังกระทำความผิดจะได้เกรงกลัว

"กลาโหม" ปลด "อภิสิทธิ์" ออกจากนายทหารสัญญาบัตรแล้ว!


วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่า การถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน จะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ แต่ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนของศาลปกครอง ดังนั้นต้องรอการพิจารณาให้เสร็จสิ้นก่อน หากศาลปกครองชี้ว่าเป็นเรื่องของวินัยทหารจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

ขณะนี้คำสั่งที่ 2 ได้ออกมาแล้ว คือ การปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากการเป็นนายทหารสัญญาบัตร อย่างไรก็ตาม ไม่อยากพูดว่า การดำเนินการของฝ่ายค้านในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กล่าวหาใน3เรื่อง  เป็นการผูกใจเจ็บหรือไม่ เพราะเป็นลูกผู้ชายพอจึงอยากให้ดูกันเอาเอง

ดูชัดๆ! จดหมายเชิญ "ทักษิณ" รับรางวัลรัฐบุรุษ ABLF Statesman Award

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) จากข่าวที่ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับรางวัลจากเอเชียน บิสซิเนส ลีดเดอร์ชิพ ฟอร์รัม ในชื่อ “รางวัลรัฐบุรุษเอบีแอลเอฟ (The ABLF Statesman Award) ประจำปี 2555 จากชีค นาฮายัน มาบารัก อัล นาฮายัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาระดับสูง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  เมื่อหัวค่ำของวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555  

จดหมายเรียนเชิญรับรางวัล The ABLF Statesman Award หน้าที่ 1 
จดหมายเรียนเชิญรับรางวัล The ABLF Statesman Award หน้าที่ 2

ล่าสุด กองบรรณาธิการ Go6tv ได้รับต้นฉบับเอกสาร จดหมายเชิญ จากคณะผู้จัดงาน เชิญ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เข้าร่วมงาน และรับมอบรางวัลเกียรติยศดังกล่าว เป็นจดหมายลงวันที่ 25 ตุลาคม 2555

ข้อความในจดหมาย ประกาศมอบรางวัลให้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร


ภาพรับรางวัล "รัฐบุรุษ ABLF Awards"
โดยรางวัลนี้มอบให้แก่อดีตผู้นำที่เป็นแรงบันดาลใจและมีผลงานยอดเยี่ยมในขณะที่ดำรงตำแหน่งในภาครัฐบาล หรือภาคเอกชนที่มีความคิดริเริ่มและเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล องค์กรที่มอบรางวัลได้มอบรางวัลให้พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เพราะเป็นนายกฯที่มีผลงานยอดเยี่ยมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตของเอเชีย การขจัดความยากจน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นแม่แบบให้องค์การอนามัยโลก (WHO)นำไปเป็นแม่แบบ รวมทั้งชื่นชมการปฏิรูปการศึกษาขนานใหญ่ด้วย

เชิญ "ไทยโพสต์" มาดูภาพ "พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ" รับรางวัลหลังโวย "โกซิคมั่วนิ่ม"

ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับรางวัล รัฐบุรุษ ABLF 2012

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555  ตามที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน 2555 ได้เผยแพร่ข่าว “แม้วรับรางวัล รัฐบุรุษ ABLF ชัวร์หรือมั่วนิ่ม”

ข่าวจากหนังสือพิมพ์หน้า 1 ไทยโพสต์

โดยระบุว่า รางวัลดังกล่าวเป็นของ “คามาล นัธ”  โดยมีการอ้างอิงข้อมูลของเว็บไซต์ www.go6tv.com ว่าเป็นเว็บสนับสนุนรัฐบาลและได้นำเสนอข่าวดังกล่าวพร้อมภาพถ่าย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวบนโพเดียวในงานดังกล่าว
ภาพ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ยืนกล่าวปาฐกถาในงานดังกล่าว

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้ตรวจสอบว่ารางวัลดังกล่าวนั้นมีอยู่จริง เพียงแต่ผู้รับรางวัลไม่มีชื่อของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร แต่รางวัลดังกล่าวตกเป็นของ คามาล นัธ รัฐมนตรีพัฒนาเขตเมืองของประเทศอินเดีย

เว็บไซต์โกซิคทีวี ขอชี้แจงยืนยันว่า หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์เข้าใจผิด เนื่องจากอ้างอิงเว็บไซต์ firstpost.com ของอินเดีย ซึ่งลงข่าวผู้ได้รับรางวัลนี้เพียง 1 ท่านเท่านั้น

แต่หากไทยโพสต์ได้สืบค้นลึกอีกสักนิดจะพบว่า เว็บไซต์  http://www.ablfawards.com/award-categories/statesman-award/    ในหน้าเว็บไซต์ดังกล่าว ได้ประกาศมอบรางวัลนี้แก่บุคคลรวมทั้งสิ้น 3 ท่าน  โดยมีรายละเอียดภาพหน้าเพจหน้าแรกดังนี้

ภาพจากเว็บไซต์ ABLE Awards ประกาศรายชื่อผู้สมควรได้รับรางวัล

ผู้รับรางวัลคนที่ 1  ฯพณฯ โมฮัมเหม็ด บิน เด็น อัล ฮามาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กลุ่มประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรต

ประกาศรายชื่่อผู้ได้รับรางวัลทั้ง 3 ท่าน

ผู้รับรางวัลคนที่ 2  ท่าน คามาล นัธ รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาเขตเมือง อินเดีย


ผู้รับรางวัลคนที่ 3 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย

ภาพการรับรางวัล ABLF Awards
กรณีนี้จึงเป็นการชัดเจนว่า การทำหน้าที่สื่อมวลชนหลักของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์นั้น ไม่ได้มีความละเอียด มีอคติ ไม่ใช่มืออาชีพดังกล่าวอ้าง มุ่งแต่ทำลายล้างทางการเมือง และสนับสนุนการรัฐประหาร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมุ่งทำลายล้างและกีดกัน  “สื่อทางเลือกภาคประชาชน” อย่าง “โกซิคทีวี” ทั้งที่เว็บไซต์ของเราก็ทำหน้าที่นำเสนอ “ข้อเท็จจริง” ของสังคม ในด้านที่ “สื่อมวลชนหลัก” ไม่นำเสนอ หรือนำเสนอแต่บิดเบือนตลอดมา

"สุกำพล" เซ็นคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบคลิปเสียงลับแล้ว


วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้เซ็นต์คำสั่งแต่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยจากกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีเอกสารหลักฐานและคลิปเสียงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลปรากฎในรัฐสภา โดยมี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธานฯ พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ดำรงศักดิ์ ห้าวเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.วินัย เปล่งวิทยา รองปลัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งกรมพระธรรมนูญและกรมเสมียนตรา ทั้งนี้ทางคณะกรรมการจะสอบสวนโดยเฉพาะเรื่องคลิปเสียงที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวจากเหตุการณ์แต่งตั้งโยกย้ายนายพลในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม จนมีปัญหาทำให้มีนายทหารทั้ง 3 นายต้องถูกย้ายจากตำแหน่งมาช่วยราชการ คือ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ขณะนี้เกษียณอายุราชการไปแล้ว พล.อ.ชาตรี ทัตติ จเรทหารทั่วไป พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
แหล่งข่าวกระทรวงกลาโหม ระบุว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความลับทางราชการ ซึ่งวงในรู้กันดีว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้มาอย่างไร เพราะเป็นคดีความและมี 3 นายทหารเกี่ยวข้อง ดังนั้นคงต้องหาความจริงว่า โดยเรื่องนี้รมว.กลาโหมถือเป็นความผิดร้ายแรง เพราะเรื่องนี้ไปลาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาเกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งให้ร้ายผู้บังคับบัญชา  อย่างไรก็ตามในส่วนความผิดขณะนี้ทางนายทหารพระธรรมนูญกำลังศึกษาว่าจะมีความผิดถึงขั้นใด เพราะเรื่องนี้มีทั้งนายทหารที่เกษียณอายุราชการและนายทหารที่ยังอยู่ในราชการเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.สุกำพล จะแถลงข่าวชี้แจงในรายละเอียดในวันที่ 29 พ.ย. เวลา 14.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม

"เฉลิม" ร่าเริง เข้าประชุม ก.ตร. หลังผ่านโหวตไว้วางใจ!



วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555  ที่ห้องประชุม 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการตำรวจ เดินทางมาประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 15/2555 มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อม รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. คณะกรรมการตำรวจเข้าร่วม โดยมีวาระขอยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ สารวัตร ถึง รองผู้บังคับบการ ประจำปี 2555 พิจารณาเรื่องอุทธรณ์ และอื่นๆ
ก่อนเข้าวาระประชุม ร.ต.อ.เฉลิม รองนายกฯ ได้ชี้แจงให้คณะเกรรมการฯ ทราบเรื่องที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับ ม.100 ซึ่งฝ่ายค้านระบุว่า กฎหมาย ปปช. เป็นการออก กม.ย้อนหลังนั้น ตามหลักกฎหมายจะต้องเป็นคุณถึงจะย้อนได้ 
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้สอบถาม พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช 1 ใน ก.ตร. ว่ามีอะไรหรือไม่ในเรื่องนี้ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ บอกว่าไม่มีครับ ก่อนจะสอบถามในเรื่องที่อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้สอบถามนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในการอภิปรายในสภาโดยขอถามต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อจะได้ช่วยกดไลท์ให้ตนมากๆ ถึงเรื่องที่ ท่านช่วยตอบผมได้หรือไม่ว่าตำรวจต้องเลือกข้าง ตนได้เขียนหนังสือตอบท่านอภิสิทธิ์ผ่าน นสพ.พรุ่งนี้น่าจะลงตีพิมพ์ อย่างน้อย 1ฉบับ
ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร ผมไปพูดที่สโมสรตำรวจ เมื่อตำรวจเจอกับตำรวจก็คุยกันอย่างสนุกสนาน ผมพูดเล่นๆ ไม่มีอะไรครับ

ขอขอบคุณข่าวสดออนไลน์

"เสธ.อ้าย" ประกาศ "การชุมนุมต้องติดอาวุธ...ถึงไปรอด"



       วันนี้ (28 พ.ย.) พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ร่วมให้สัมภาษณ์ในรายการ "ตอบโจทย์" ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดย น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน
      
       พล.อ.บุญเลิศ กล่าวถึงเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า คนมาไม่ถึงจำนวนที่กำหนดไว้ เนื่องจากถูกตำรวจสกัดในบริเวณชุมนุม ทำให้มวลชนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนไม่สามารถรวมกันได้ คนในกรุงเทพฯมาไม่ได้ คนต่างจังหวัดถูกตำรวจกักอยู่ตามที่ต่างๆ ขณะที่ตนประกาศยกเลิกม็อบตอน 17.40 น. คนยังติดที่ด่านต่างๆอยู่เลย ถนนทุกเส้นที่เข้ากรุงเทพฯถูกสกัดหมด
      
       เมื่อถามว่าเป็นเพราะประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯนัดว่าจะส่งคนมาร่วม แต่แล้วไม่มาตามนัดหรือเปล่า พล.อ.บุญเลิศ กล่าวตอบว่า ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯและประชาธิปัตย์เลย แล้วแต่จะมาก็มา ไม่มีการรับปากว่าจะส่งคนมา
      
       พล.อ.บุญเลิศ กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ว่า รังแกราษฎรได้เฉียบขาดมาก ทางองค์การพิทักษ์สยามมีหัวหน้าคอยติดต่อตำรวจตลอดเวลา แต่เขาก็รับคำสั่งมาจากรัฐบาล โดยต่อจากนี้ไปทางองค์การพิทักษ์สยามก็ต้องดูแลเรื่องคดีและผู้บาดเจ็บของคนที่มาร่วมชุมนุม ส่วนตนยืนยันว่าไม่กลัวข้อหากบฏอยู่แล้ว ตายยังไม่กลัวเลย
      
       เมื่อถามถึงการชุมนุมในอนาคต พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ต่อไปจะลำบากทั้งรัฐบาลและผู้ชุมนุม เพราะการชุมนุมอาจต้องติดอาวุธบ้าง เพราะรัฐบาลทำแบบนี้ ชุมนุมมือเปล่ายังขัดขวาง ต้องมีอาวุธถึงไปรอด ถ้าไปมือเปล่าก็ตายหมด
      
       พล.อ.บุญเลิศ กล่าวต่อว่า อนาคตของประเทศต่อจากนี้ไปจะถึงจุดจบ ถ้าปล่อยรัฐบาลนี้บริหารราชการต่อไป เงินจะหมดคลัง อาจวิกฤตเหมือนอาร์เจนติน่า
      
       ต่อข้อถามที่ว่าเชื่อมั่นการเคลื่อนไหวนอกสภามากกว่าระบอบรัฐสภาหรือไม่ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวตอบว่า เมืองไทยตอนนี้ ตนเชื่อมั่นการเคลื่อนไหวนอกสภามากกว่า นายกฯพูดแต้งกิ้ว ทรีไทม์ ตนป็นแค่พลเอกธรรมดเวลาจะขึ้นกล่าวอะไรต้องอ่านอย่างน้อย 3 ครั้ง ไม่ใช่ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย พ.ต.ท.ทักษิณ ดูถูกคนไทยจะเอาใครมาเป็นนายกฯก็ได้ ทำประเทศเสียหาย
      
       จากนั้นทางรายการได้เปิดเทปคำถามจากนายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) โดยถามว่าเสธ.อ้าย เคยบอกว่าไม่เคยประทับใจระบอบประชาธิปไตย แล้วต้องการปกครองด้วยระบอบอะไร พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ที่ไม่เคยประทับใจเพราะประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันปลอม เลือกตั้งได้มาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ประชานิยมก็เอามาจากเงินภาษี โกงโดยกาเองแล้วเปลี่ยนหีบ ตนคิดว่าน่าจะมีระบบที่ดีกว่าที่ใช้อยู่ การเลือกตั้งคล้ายๆเป็นสัญลักษณ์ที่ได้มาโดยไม่สุจริต
      
       นายสมบัติ ถามอีกว่า การชุมนุมที่ผ่านมา คนมาไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เป็นเพราะความคิดของเสธ.อ้ายกับคนส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกันหรือเปล่า อาจเป็นความคิดของคนยุคเก่า จึงไม่สามารถอธิบายจูงใจให้คนมาร่วมได้ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวตอบว่า เดิมตนก็คิดแบบที่นายสมบัติถาม แต่จากการประเมินแล้ว คนที่มาร่วมถูกขัดขวางจากรัฐบาล รัฐบาลเล่นสกปรก แล้วยังสกัดตามหมู่บ้าน ตำบล ชุมชน ถนน ถ้าคนมาน้อยทำไมเอาตำรวจมาตั้ง 5 หมื่นคน แสดงว่ารัฐบาลก็ประเมินว่ามวลชนเรามีเป็นล้าน

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"พระเจ้าอยู่หัว" เสด็จฯ ลอยพระประทีปที่แม่น้ำเจ้าพระยา


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 (go6TV)  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงลอยพระประทีป ณ ท่าน้ำ บริเวณพลับพลาประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์

อ้ายงามหน้า! พบกัญชา 16 ก.ก.คาสนามม้านางเลิ้ง


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 (go6TV)  ที่ สน.นางเลิ้ง พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.นางเลิ้ง พ.ต.ท.จักรกฤช หอมทรัพย์ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.อนุรักษ์ พิมพา สว.สส.ฯ ได้ร่วมกันตรวจยึดกัญชาอัดแท่ง จำนวน 14 กิโลกรัม พร้อมกระสอบที่ใช้บรรจุน้ำแข็งหลอดยี่ห้อไนแองการ่าของบริษัททิพย์วารินน้ำแข็งหลอด จำกัด จำนวน 1 ใบ ได้บริเวณข้างรถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-9820 ปราจีนบุรี หน้าอาคารที่จอดรถภายในสนามราชตฤณมัยสโมสร (สนามม้านางเลิ้ง) แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ มูลค่ากว่า 1.4 แสนบาท

พ.ต.อ.มานะ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากพนักงานขับรถรับ-ส่งพนักงาน ภายในสนามม้านางเลิ้ง ว่า พบกัญชาอัดแท่งอยู่ภายในกระสอบที่ใช้บรรจุน้ำแข็งหลอดวางอยู่ข้างรถบรรทุกคันดังกล่าว ซึ่งจอดอยู่หน้าอาคารที่จอดรถภายในสนามม้านางเลิ้ง จึงขอให้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าภายในถุงกระสอบดังกล่าวบรรจุกัญชาอยู่ จำนวน 14 แท่ง น้ำหนักรวม 14 กิโลกรัม จากการตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงไม่พบบุคคลต้องสงสัย จึงทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าวมาดำเนินการตรวจสอบที่ สน.นางเลิ้ง

จากการสอบปากคำพนักงานขับรถคนดังกล่าว ให้การว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. ได้สังเกตเห็นรถเก๋งคันหนึ่ง สีบรอนซ์ ไม่สามารถจำทะเบียนได้ ขับมาใกล้บริเวณรถบรรทุกคันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถบรรทุกม้าจอดเสียทิ้งไว้ติดริมกำแพงมานานประมาณ 4-5 เดือนแล้ว จากนั้นมีผู้ชายอายุประมาณ 30 ปี ลงจากรถนำถุงกระสอบดังกล่าวมาวางไว้ใกล้ล้อรถบรรทุกด้านที่ติดกำแพงแล้วขับรถออกไปทันที ตนจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ถุงกระสอบ เห็นท่าไม่ดีจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็พบว่าเป็นกัญชาจำนวนมาก

พ.ต.อ.มานะ กล่าวอีกว่า สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า น่าจะเป็นเครือข่ายยาเสพติดมาจากทางประเทศลาว เมื่อดูจากลักษณะการบรรจุอัดมาเป็นก้อนๆ หรือแท่ง ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศลาว โดยคิดว่าน่าจะมีการนัดหมายกันมารับของกันบริเวณดังกล่าว แต่เกิดผิดพลาดมีคนเห็นและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน จากการตรวจสอบโดยรอบจุดเกิดเหตุไม่พบบุคคลต้องสงสัย เนื่องจากภายในสนามม้านางเลิ้งมักมีผู้คนเข้ามาทานอาหารเป็นปกติ อีกทั้งบริเวณที่พบกระสอบบรรจุกัญชาไม่มีกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเคลื่อนย้ายนำมาตรวจสอบที่ สน.นางเลิ้ง เบื้องต้นจะตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่พบเพื่อเก็บลายนิ้วมือไปเปรียบเทียบกับประวัติอาชญากรว่า เข้าข่ายกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยใดบ้าง และสั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหาเบาะแสบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนหาผู้ต้องสงสัยต่อไป

"ทักษิณ" คว้ารางวัลรัฐบุรุษเอบีแอลเอฟ (The ABLF Statesman Award 2555)

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับรางวัลจากเอเชียน บิซซิเนส ลีดเดอร์ชิพ ฟอร์รัม ในชื่อ รางวัลรัฐบุรุษเอบีแอลเอฟ (The ABLF Statesman Award) ประจำปี 2555 จากชีค นาฮายัน มาบารัก อัล นาฮายัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาระดับสูง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยรางวัลนี้มอบให้แก่อดีตผู้นำที่เป็นแรงบันดาลใจและมีผลงานยอดเยี่ยมในขณะที่ดำรงตำแหน่งในภาครัฐบาล หรือภาคเอกชนที่มีความคิดริเริ่มและเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล องค์กรที่มอบรางวัลได้มอบรางวัลให้พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นนายกฯที่มผลงานยอดเยี่ยมในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตของเอเชีย การขัดความยากจน โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นแม่แบบให้องค์การอนามัยโลก (WHO)นำไปเป็นแม่แบบ รวมทั้งชื่นชมการปฏิรูปการศึกษาขนานใหญ่ด้วย



"หมวดเจี๊ยบ" ยื่นปธ.สภา สอบจริยธรรม สส.ประชาธิปัตย์ปากดี


ส.ส.พรรคเพื่อไทย พากลุ่มสตรีกุหลาบหินยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯเพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรม ส.ส.หญิง พรรค ปชป.ตั้งคำถามไม่สุภาพกับนายกรัฐมนตรี



28 พฤศจิกายน 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ผ่าน ภายในอาคารรัฐสภา ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้พากลุ่มสตรีกุหลาบหินยื่นหนังสือต่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรม นางผุสดี ตามไท ส.ส บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หลังแสดงพฤติกรรมด้วยการตั้งคำถามที่ไม่สุภาพกับนายกรัฐมนตรี ผ่านการถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะอาจมีเด็ก เยาวชน รวมทั้งชาวต่างประเทศ รับชมรายการอยู่ด้วยจากการที่ส่งสัญญาณไปทั่วประเทศ และทั่วโลก

โดยกลุ่มสตรีกุหลาบหิน เห็นว่าพฤติกรรมที่ไร้วุฒิภาวะของ นาง ผุสดี อาจทำให้รัฐสภาไทยเสื่อมเสีย และทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธานักการเมือง และอาจทำให้ผู้หญิงหมดกำลังใจที่จะก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง หากปล่อยให้มีการใช้เรื่องเพศเป็นเครื่องมือทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้คุณธรรม จึงขอให้สภาฯ ดำเนินการเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง และเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีของนักการเมืองและรักษามาตรฐานของการอภิปรายในสภาฯ ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวระหว่าง น.ส ยิ่งลักษณ์ กับ นาง ผุสดี แต่เป็นปัญหาของสถาบันผู้หญิงโดยรวม และส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาบทบาทสตรี

ขณะเดียวกัน กลุ่มสตรีกุหลาบหิน ยังเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถควบคุมการอภิปรายของลูกพรรคให้เป็นไปตามข้อบังคับ และอยู่ในกรอบที่เหมาะสม รวมทั้งขอให้ นายอภิสิทธิ์ ดำเนินการลงโทษด้านจริยธรรมกับนางผุสดีด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เชื่อว่าหากนายอภิสิทธิ์ไม่ดำเนินการจะไม่กระทบเพียงแต่ภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่อาจจะกระทบต่อสถาบันพรรคฝ่ายค้านของไทยให้ตกต่ำลง

นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯขอประณามและประท้วงการกระทำของ นางผุสดี ด้วยการผูกผ้าดำบนร่างกายเพื่อแสดงความไว้อาลัยต่อจริยธรรมที่หายไปของ นางผุสดี พร้อมฝากหนังสือธรรมะ ของมูลนิธิพุทธปรัชญา เพื่อให้ผู้นำฝ่ายค้าน และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำไปแบ่งปันกันอ่านด้วย

"สมเกียรติ อ่อนวิมล" เข้ากุมบังเหียน "สปริงนิวส์" เรียบร้อยแล้ว!


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ประกาศเข้าบริหารสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา โดย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ได้เปิดใจผ่านสำนักข่าวสปริงนิวส์ดังต่อไปนี้
 "ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้ทำงานที่เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์สังคม"

"และไม่มีอะไรจะทำให้แปลกประหลาดใจไปยิ่งกว่าการได้ทำงานในวัยอันไม่น่าจะได้งานทำ"

วันนี้ผมอายุ 65 ปี. ผมเริ่มทำงานข่าวโทรทัศน์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทำที่ช่อง 9, ต่อไปช่อง 7, ช่อง 11, ช่อง 5 แล้วกลับไปช่อง11 อีกครั้ง ตามลำดับ แล้วก็หยุดไประหว่างปี 2540-2550 เมื่อตอนที่ไปทำงานการเมืองระหว่างที่เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สุพรรณบุรี), สมาชิกวุฒิสภา (สุพรรณบุรี), และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กลับมาทำรายการข่าวต่างประเทศอยู่พักหนึ่งช่วงปลายสมัยเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพราะคำเชิญชวนของผู้บริหารไทยทีวีสีช่อง 3. มาในปีที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน (2551-2552) ผมได้ทำสารคดีชุดพิเศษให้กับกระทรวงการต่างประเทศยาวกว่า 30 ชั่วโมง อีกทั้งทำรายการโทรทัศน์เรื่องเกี่ยวกับอาเซียนออกอากาศทางช่อง 3, ช่อง 9, และ True Visions  เสร็จงานอาเซียนแล้วก็กลับมาติดใจงานโทรทัศน์อีกครั้งแม้จะไม่ใช่งานใหญ่งานยากอะไรผมก็ยังเก็บรายการ​สัปดาห์อาเซียนไว้ที่ช่อง 3 มาอีกสามปีคิดว่าจะเลิกทำรายการโทรทัศน์อย่างเบ็ดเสร็จสิ้นปี 2555 ซึ่งตรงกับเวลาที่โลกแตกสลายพอดีตามปฏิทินมายา (ตรงกับวันที่ 22 ธันวาคม 2012) ชีวิตผม...หากยังมีอยู่หลังปี 2012...จะขอใช้อย่างสงบโดยการอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ และสังเกตทุกข์-สุข ของสังคมผ่าน facebook และ Twitter ไปจนปลายทางชีวิตจริงๆ ผมมีห้องสมุดส่วนตัวไว้ที่บ้านปากช่องนครราชสีมา มีหนังสือทุกสาขาวิชาความรู้กว่า 7,000 เรื่อง ผมน่าจะใช้ชีวิตวิชาการได้อย่างสบายๆหลายปีกว่าปฏิทินส่วนตัวของผมจะจบ

แต่แล้วคณะกรรมการ Spring News Corporation ก็มาชวนผมให้เข้ามาร่วมงานอย่างที่ผมไม่เคยคาดฝันมาก่อน ผมไม่รู้จักใครเลยที่ Spring News รับรู้แต่ชื่อเสียงและผลงานข่าวสารที่ปรากฏในช่วงวิกฤติการเมืองไทยในสองปีที่ผ่านมา ผมเคยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทที่ผลิตข่าว เป็นนักข่าว เป็นผู้ประกาศข่าว เป็นผู้จัดการฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์ และเป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ แต่ก็มิได้ทำงานยืดยาวเพราะมักจะลาออกเมื่อมองไม่เห็นโอกาสการพัฒนางานให้ได้ตามอุดมตคิและอคติของตนเอง ผมจึงบอกผู้ใหญ่ของ Spring News ไปว่าผมล้มเหลวมาตลอดเพราะไม่ได้อำนาจการบริหารงานอย่างแท้จริงและเต็มที่ เมื่อไม่ได้อำนาจบริการเต็มรูปแบบโอกาสที่จะใช้วิชาความรู้ในวิชาชีพสื่อสารมวลชนให้เกิดผลต่อสังคมก็ทำได้ยากยิ่ง หลังจากหารือกันพักใหญ่ เว้นว่างการติดต่อไปหลายวัน ในที่สุดกรรมการ Springs News ก็ยืนยันกับผมว่าจะให้บทบาทอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบกับผมอย่างเต็มที่ตามที่ผมต้องการ เพื่อผมจะได้กำหนดทิศทางให้Spring News ได้ตามฝันอันยาวนานของผมที่ผมคิดว่าเป็นฝันเดียวกันกับสังคมไทย

ดังนั้นผมจึงผลักอนาคตการอ่านหนังสือและเขียนหนังสือของผมออกไปอีกสักสองสามปี

มาอยู่ Spring News เต็มตัวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 และจะอยู่ไปจนสังคมไทยต้อนรับ Spring News ให้เป็นสื่อร่วมสร้างสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป ผมไม่ได้ต้องการอำนาจ หรือความยิ่งใหญ่ หรือชื่อเสียงอันใดเป็นการส่วนตัว แต่ผมต้องการให้สังคมไทยมีสื่อสารมวลชนที่เป็นที่พึงพิงหลักในเรื่องข่าวสารข้อมูลความรู้และจิตสำนึกในการสร้างสังคมประชาธิปไตย โดยเฉพาะในยามที่กระแสโลกาภิวัฒน์, เทคโนโลยี, และทุนการเมือง กำลังทำลายความน่าเชื่อถือของสื่อสารมวลชนไทยลงไปอย่างเกือบสิ้นหวัง ผมมองเห็นอนาคตของ Spring News ชัดเจนแล้วว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ข่าว 24ชั่วโมงที่ทำงานเพื่อข่าวสารความจริงอย่างอิสระและเป็นธรรมกับทุกส่วนของสังคม เป็นศูนย์รวมของนักข่าวและนักวิชาชีพวิทยุโทรทัศน์ผู้มีจรรยาบรรณวิชาชีพ มีวิสัยทัศน์แห่งการเป็นสื่อสร้างสังคมประชาธิปไตย มีความเป็นนักผลิตงานข่าวสารทางโทรทัศน์ที่มีศิลปะ มีความคิดสร้างสรรค์ ห่วงใยและเอื้ออาทรต่อทุกส่วนของสังคม โดยเฉพาะสังคมที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความรู้อันเป็นประโยชน์ต่อชีวิต สังคม และประเทศชาติ

“Old soldiers never die. They just fade away”, ฝรั่งพูดไว้อย่างนี้.
“Old Newsmen never die. They never fade away either”, ผมเองพูดเอง.