วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

“พานทองแท้” ซัด “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ตอแหลลวงโลก แย็บ นิพิฏฐ์ฯ เดี๋ยวเจอกัน

วันที่ 29 มีนาคม 2557 go6TV – นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra (https://www.facebook.com/oakpanthongtae) มีเนื้อหาดังนี้


เลือกตั้ง สว. เมื่อวานนี้
ทุกหน่วยเลือกตั้งราบรื่น ปราศจากม็อบอดีตสส.ประชาธิปัตย์ มาปั่นป่วนกวนใจครับ

สถานการณ์ที่ราบรื่น แตกต่างจากการเลือกตั้ง สส. ราวกับอยู่กันคนละประเทศต่างขั้วโลก
เป็นตัวชี้วัดให้เห็นเป็นอย่างดีว่า
"ความต้องการให้มี การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เป็นเรื่องตอแหลลวงโลก ทั้งนั้น"

เลือก สว.กับเลือก สส. ก็คือการให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ ได้ออกไปใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของปวงชนชาวไทย ในการเลือกผู้แทนของตนเข้าไปนั่งในสภาสูง ร่วมกันออกกฏหมายกับ สส. ถ้าเลือก สส.มีการโกงกันวินาศสันตะโร จนกระทั่งจำเป็นจะต้อง ทำลายประชาธิปไตย ขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อให้มีการปฏิรูปก่อน แล้วทำไมเลือกตั้ง สว. จึงไม่ออกมาขัดขวางกันละครับ..??

ตัวแปรที่แตกต่างกันก็คือ ใน 50 กว่าพรรคการเมืองของไทย มีพรรคการเมืองที่ชื่อ "ประชาธิปัตย์"อยู่ด้วย ซึ่งในช่วงเกือบ 20ปีหลังมานี่ พรรคฯนี้ลงเลือกตั้งกี่ทีก็แพ้ตลอด ถ้าปล่อยให้เลือกด้วยวิธีปกติ แบบประชาธิปไตยเต็มใบ ไม่แน่ว่าอีกกี่สิบปี จึงจะกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีก ถ้าไม่ใช้วิธีพิเศษ ในการจัดตั้งรัฐบาล

จนถึงทุกวันนี้ข้อเสนอของพรรคฯและม็อบอดีตสส.ประชาธิปัตย์ ให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ก็ยังคลุมเครือ ใครโกงเลือกตั้งอย่างไร? จะปฏิรูปวิธีไหน? เพื่อให้กติกามีความยุติธรรมมากกว่าปัจจุบัน และที่สำคัญคือ ทำไมตอนปฏิรูปจึงต้องตั้งนายกฯขึ้นมารักษาการเอง? ก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด..??

เอาอย่างนี้ไหมละครับม็อบประชาธิปัตย์ เรา"ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" แบบที่ประชาธิปัตย์ต้องการก็ได้ แต่การเลือกนายกฯขึ้นมารักษาการในขณะปฏิรูป พี่น้องประชาชน คงจะไม่ยอมให้ประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ และคงไม่ยอมให้กำนันสุเทพฯ ผู้โด่งดังมาจาก สปก.4-01 เป็นผู้เลือกนายกฯเองแน่นอน เราควรมีกระบวนการเลือกนายกฯ ให้เข้ามาทำงานในช่วงสั้นๆ ระหว่างการปฏิรูปนี้ เมื่อปฏิรูปเสร็จสิ้นก็จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ก็กลับมาลงเลือกตั้งซะ ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไปได้

ถ้าปล่อยให้จับประเทศเป็นเดิมพัน เล่นเกมการเมืองกันอยู่อย่างนี้ เรื่องมันจบด้วยการปฏิวัติทุกทีไปครับ ประเทศไทย..!! 

ปล. สำหรับคนที่ตะแบงใช้ ม.112 ทำร้ายผู้อื่น รอแป๊บนะจ้ะ ถ้ารักสถาบันฯจริงคงให้อภัยได้ แต่ถ้าโกรธกันเรื่องส่วนตัว เลยเอาสถาบันฯมาแอบอ้าง เพื่อทำร้ายผู้อื่นแบบนี้ เดี๋ยวเจอกัน นิพิฏฐ์ฯทำใจให้สบายนะ ไม่ต้องตื่นเต้นมาก รักนะจุ๊บๆ..!!

เปิดใจ “สาวใจเด็ด” โพสต์แฉภาพลับหนุ่มหน้าคล้ายผู้ประกาศข่าว-อ้างโมโหโดนล่อลวงมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง

วันที่ 31 มีนาคม 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.40 . เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ (http://www.khaosod.co.th) ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์หญิงสาวผู้ที่ออกมาโพสต์แฉภาพผู้ชายที่มีหน้าคล้ายกับผู้ประกาศข่าวหนุ่มคนหนึ่งมีเนื้อหาดังนี้

ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ในวันนี้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในโลกไซเบอร์ ทั้งโซเชียลมีเดีย เว็บบอร์ด และทวิตเตอร์ ภายหลังจากมีหญิงสาวคนหนึ่งเผยแพร่ภาพผู้ชายที่มีหน้าคล้ายกับผู้ประกาศข่าวหนุ่มคนหนึ่งผ่านแอพอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กโดยหญิงสาวดังกล่าวอ้างว่าตกเป็นเหยื่อถูกหนุ่มหน้าคล้ายผู้ประกาศข่าวรายนี้ใช้คำหวานหว่านล้อมให้ไปมีเพศสัมพันธ์ด้วยแต่ที่แท้คบหากับหญิงสาวหลายคนในจำนวนนี้มีที่เป็นแฟนคลับรวมอยู่ด้วยทั้งๆ ที่ฝ่ายชายมีภรรยาแล้ว แต่อ้างว่าที่ผ่านมาคบหากับภรรยาฉันท์เพื่อน

นอกจากนั้น หญิงสาวดังกล่าวยังโพสต์ภาพผู้ชายหน้าคล้ายผู้ประกาศข่าวหนุ่ม ขณะกำลังเล่นเซ็กซ์และมาสเตอร์เบชั่นผ่านโปรแกรมเฟซไทม์ และแฉภาพแอบถ่ายขณะผู้ประกาศข่าวนอนหลับอยู่บนเตียง หลังมีเซ็กซ์กันเสร็จสิ้น และมีคลิปวิดีโอสั้นๆ อัดคำพูดของผู้ประกาศหนุ่มที่ระบุว่า "รักคุณคนเดียว"

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ใช้แชทรูมของเฟซบุ๊กติดต่อขอสอบถามข้อมูลจากหญิงสาวผู้โพสต์แฉ ได้รับคำตอบบางส่วนดังนี้

ผู้ชายคนนี้ใช้เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และความมีชื่อเสียงของตัวเองล่อลวงผู้หญิงมามากอย่างไม่น่าเชื่อ ทำแบบเดิมๆซ้ำๆ คนแล้วคนเล่า ตอนแรกจะมาชอบจะขอแอดในเฟสบุค ทุกวันจะคอยดูคนไหนสวย และมีปัญหาชีวิตอะไรหรือไม่ ใครมีครอบครัวมันยิ่งชอบเพราะจะได้เลิกง่ายๆ คนไหนมีแนวโน้มที่จะตีได้ก็ทำโดยการทำเป็นให้คำปรึกษา ส่งข้อความมาเช้าเย็น เป็นห่วงเป็นใย ซื้อข้าวของให้ และเริ่มพูดจาเข้าเรื่องเซ็กซ์ ----- ไม่มีไรกะเมียมาเป็นสิบปี แต่งงานเพราะสงสารที่เมียโดน ----- มา และตอนนี้ก็ไม่ได้รักอะไร ทำตามหน้าที่ เกิดมาไม่เคยรักใคร พอมาเจอเราก็เป็นคนแรกและคนเดียวที่มันรัก ผู้หญิงที่เป็นแฟนคลับมันส่วนใหญ่ก็จะเสร็จมัน พอเบื่อคนไหนก็จะหาเรื่องด่าหยาบๆ คาย ให้ผู้หญิงเกลียดและเลิกไปเอง
  
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทางฝ่ายชายเคยระบุว่า ภาพและคลิปต่างๆ เป็นฝีมือการตัดต่อของคนเสื้อแดง
หญิงสาวตอบว่า เค้าต้องพูดแบบนี้อยู่แล้วค่ะ คลิปมีเสียงและหน้าเค้าชัดขนาดนี้ จะตัดต่อยังไงคะ อันที่จริงตอนนี้มีผู้หญิงมาบอกว่าโดนเหมือนกันหลายคนแล้ว แล้วที่ทำนี่คือผู้หญิง 4 คนที่โดนมาเหมือนกันค่ะ ให้ผู้เชี่ยวชาญเอาคลิปและรูปถ่ายไปพิสูจน์ได้เลยค่ะ

หญิงสาว เผยด้วยว่า ประโยคที่หนุ่มหน้าคล้ายผู้ประกาศข่าวหนุ่มพูดในคลิป คือ ที่รักของผม คุณเป็นที่รักของผม กับ รักคุณคนเดียว

ผู้สื่อข่าว ข่าวสด ถามว่า ถ้าดูจากในไลน์ที่นำมาโพสต์ให้ดู พบว่าฝ่ายชายใช้คำรุนแรงมาก
หญิงสาวระบุว่า เค้าเป็นคนหยาบคายมากเวลาโมโห

เมื่อถามว่า ยังมีคลิปอื่นๆ อีกหรือไม่
หญิงสาวตอบว่า คลิปอื่นจะไม่เห็นหน้าเค้า เพราะมันจะถ่ายแต่ตรงนั้น และเห็นแต่ริสแบนด์กับสายสิญจน์สีส้ม

ส่วนรูปฝ่ายชายทำมาสเตอร์เบชั่น
หญิงสาวระบุว่า อันนั้นเป็นรูปที่แคปจากตอนเฟซไทม์ค่ะและว่า มันไม่ไหวจริงๆเพราะบังเอิญไปเจอคนโดนมาเหมือนกันมันทำเหมือนกันเป๊ะ!

นอกจากนั้น หญิงสาวยังอ้างด้วยว่า ทราบว่ามีผู้หญิงโดนหนุ่มหน้าคล้ายผู้ประกาศข่าวชายหว่านล้อมให้ไปมีความสัมพันธ์แล้วก็ถูกทิ้งอีก 4 คน

ล่าสุด หญิงสาวโพสต์ในไอจีด้วยว่า เขาบอกว่ารอคลิปดิฉันมาเป็นเดือน รอดิฉันตกแต่งคลิป เพราะเขาเชื่อว่าดิฉันกลัวไม่กล้าออกมาแฉ เขาขู่ว่าจะแฉกลับให้ดิฉันอยู่ในสังคมไม่ได้ จะออกมาแฉว่าดิฉันเป็นใคร ดิฉันยอมรับว่าเคยกลัว แต่ดิฉันเงียบก็ไม่ได้ประโยชน์ เขาก็ไม่เลิกทำร้ายดิฉัน คลิปที่ดิฉันลงอาจเป็นคลิปสั้นๆ แต่ดิฉันเอาลงเพื่อพิสูจน์ว่ารูปทั้งหมดดิฉันพูดความจริง ไม่ใช่รูปตัดต่อ และดิฉันก็มีคลิปของเขากับผู้หญิงคนอื่น ที่เขาส่งมาทำร้ายจิตใจดิฉันจะลงอีก แต่มันค่อนข้างยาว ดิฉันจะลงในเฟซบุ๊ก หญิงสาว

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5qSTJOakF3TkE9PQ==&catid=01

สำนักพระพุทธศานาลั่น "พุทธะอิสระ" ไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ บวชเณรไม่ได้ มีความผิดถึงต้องสึกจากพระ

วันนี้(31 มี.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า จากกรณีพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนจำนวน 35 รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมือง ที่อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะนั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้อง เป็นการแอบอ้างและทำผิดพระธรรมวินัย เพราะหลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่ใช่พระอุปัชฌาย์ จึงไม่สามารถบวชให้ใครได้ มีความผิดถึงต้องสึกจากความเป็นพระ รวมถึงมีความผิดเข้าข่ายหลอกหลวงได้ เพราะสามเณรที่บวชนั้นไม่ใช่สามเณรที่ถูกต้องตามระเบียบมหาเถรสมาคม ( มส. )


" สำหรับขั้นตอนการดำเนินการตามบทลงโทษของคณะสงฆ์นั้น ตามปกติหากเกิดเหตุการณ์กระทำผิดของพระสงฆ์ที่เขตพื้นที่ไหน เจ้าคณะปกครองในเขตพื้นที่นั้นต้องดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดังนั้นพศ.จึงได้ส่งหนังสือแจ้งให้ เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร  เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาลงโทษ   หลังจากนี้ต้องรอดูว่าเจ้าคณะปกครองจะดำเนินการกับพระพุทธอิสระอย่างไร" นายนพรัตน์ กล่าว

สาวแฉ! นักเล่าข่าวชื่อดังค่ายบางนา หลอกฟันแล้วทิ้งกับคลิปวาทะสะท้านเนต "คุณเป็นที่รักของผม"


งานเข้านักข่าวดังย่านบางนา หลังหญิงนิรนามตั้งไอจี “@liekanok” แฉแหลกถูกอีกฝ่ายหลอกฟัน ซัดพฤติกรรมทางเพศ ทั้งบ้ากาม ลามก พร้อมปล่อยทั้งคลิปและภาพเป็นหลักฐาน ลั่นเดินหน้าลุยหลังถูกอีกฝ่ายด่าเป็นอีตัวและเชื่อว่าตนไม่กล้าเปิดเผยตัว
      
         ต้องบอกว่ากำลังกลายเป็นเรื่องร้อนฉ่าในโลกออนไลน์กันอยู่ในตอนนี้เลยทีเดียวภายหลังจากที่ในช่วงสายที่ผ่านมาของวันนี้ในอินสตาแกรมที่ชื่อ @liekanok ได้มีการนำเอาทั้งภาพและคลิปที่ระบุว่าเป็นของนักข่าวชายชื่อดังย่านบางนา พร้อมพฤติกรรมต่างๆ มาแฉแบบละเอียดยิบ
      
         ทั้งนี้ในละเอียดนั้นได้ระบุข้อความทำนองว่าตนเป็นหนึ่งในแฟนคลับของนักข่าวคนดัง ก่อนจะได้เป็นเพื่อนกันผ่านทางเฟซบุ๊ก เพราะชอบในอุดมการณ์ของอีกฝ่าย ซึ่งทางนักข่าวคนดังก็ได้เข้ามาแสดงท่าทีว่าชอบและบอกกับตนว่าตอนนี้อยู่กับลูกเมียก็เพราะหน้าที่ และยอมรับว่าเคยมีกิ๊กหลายคน แต่เลิกหมดแล้ว และอยากจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงสักคนหนึ่งทำให้ตนเองหลงเชื่อ
      
         อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตนตกเป็นของนักข่าวคนดังแล้ว จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษ แต่เป็นซาตานที่ชั่วร้าย อาศัยความเป็นชื่อเสียงหลอกฟันผู้หญิงไปทั่ว และที่ตนต้องออกมาแฉในครั้งนี้ ก็เพราะรู้สึกเจ็บใจเนื่องจากมีความรักและศรัทธาในตัวของนักข่าวคนที่ว่า และไม่ต้องการให้ไปหลอกใครได้อีก พร้อมกับยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด
      
         นอกจากนี้ผู้โพสต์ยังได้บอกถึงพฤติกรรมทางเพศของนักข่าวคนดังด้วยว่า ทั้งบ้ากาม และชีกอ โดยในตอนกลางวันที่เขาไม่ทำงานจะโทร.มาคุย แล้วเฟซไทม์แก้ผ้า โชว์ของ และที่เลวที่สุดก็คือการที่อีกฝ่ายนั้นได้นำเอาคลิปของสาวๆ คนอื่นมาให้ตนเองดู ขณะเดียวกันก็เอาคลิปของตนเองไปให้คนอื่นดูด้วย
      

        ทั้งนี้ที่ผ่านมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นักข่าวชื่อดังซึ่งถูกระบุถึงนั้นได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้วครั้งหนึ่งโดยบอกว่าตนเองพอจะรู้ข่าวนี้และบอกว่ารอมานานแล้วว่าเมื่อไหร่จะถูกปล่อยคลิปหรือภาพออกมา ซึ่งงานนี้ก็คงจะต้องตามดูกันต่อไปว่าทางฟากนักข่าวชายคนดังที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยจะออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้อีกครั้งหรือไม่อย่างไร?

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

การ์ด กปปส. สุดเหี้ย(ม)! ใช้ขวานฟันคอ ตำรวจจราจร สน.ราษฏร์บูรณะตายคาที่



เมื่อเวลา 01.30 น.ของวันที่ 30 มีนาคม 2557 พ.ต.อ.เสรี ภูษาชีวะ ผกก.สภ.สาขลา อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย ร.ต.ท.วิภพ แช่มเรือง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกันจับกุม นายวิทัต เติมบุญ อายุ 23 ปี มีอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างวินปากซอยเข้าหมู่บ้านพีเค ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

จากการสอบสวนทราบว่า นายวิทัต เป็นผู้ต้องหา ใช้อาวุธขวานจามเข้าใส่ลำคอทั้งซ้ายและขวาของ ด.ต.รักเกียรติ อินทกูล อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจงานจราจร สน.ราษฏร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร จนเสียชีวิต ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักภายในหมู่บ้านพีเค เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2557 เวลาประมาณ 20.50 น. ที่ผ่านมา จากนั้นผู้ต้องหาได้หลบหนีไป ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมมาได้ 

เบื้องต้นจากการสอบสวนปากคำผู้ต้องหารายนี้ยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจเผยว่า ผู้ต้องหามีนิสัยเกเรเคยต้องโทษมาก่อนจนพ้นโทษมายึดอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่บริเวณหมู่บ้านดังกล่าว แต่เนื่องจากมีพยานหลายคนยืนยันว่าเป็นผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามจับกุมตัวมาได้ 

ทีมงานได้โทรศัพท์สอบถามยัง สน.สาขลา จังหวัดสมุทรปราการ ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายวิทัต เติมบุญนั้น เคยต้องโทษคดีทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น โดยการใช้ดาบฟันแขนผู้อื่นจนขาด และรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ พอพ้นโทษออกมา ก็มาไม่มีอะไรทำ ก็ไปร่วมม็อบ เป็นการ์ด กปปส.ให้กับม็อบสุเทพ และ ไม่ใช่เพียงแค่นายวิทัตเท่านั้น บิดาของนายวิทัต ที่ขับวินมอเตอร์ไซต์ที่หมู่บ้านพีเคกาเด้นท์ ก็เป็นการ์ดให้ม็อบ กปปส. เช่นกัน ในวันเกิดเหตุ ทราบว่าทั้งนายวิทัตและบิดา ได้ไปร่วมขบวนม็อบ กปปส.ทั้งวัน จนค่ำ ค่อยกลับมาวินมอเตอร์ไซต์หน้าปากซอย และมีปากเสียงกันกับเพื่อนในวิน ทะเลาะกับเพื่อนในวินเรื่องพระเครื่อง และ ดต.รักเกียรติ ซึ่งมีบ้านอยู่ในซอยดังกล่าว ผ่านมาพอดี จึงเข้ามาดู และช่วยไกล่เกลี่ย แต่นายวิทัตไม่พอใจ เดินหายเข้าไปที่รถจักรยานยนต์ เปิดเบาะและหยิบขวานเอามาฟันคอนายดาบตำรวจ ที่กำลังยืนในวินโดยไม่ทันระวังตัวตายคาที่ทันที

จับสาว กปปส. เอเยนต์ค้ายาบ้า-ยาไอซ์ 800 เม็ด สารภาพพ้นคุกมาขายยาบ้า และชุมนุม กปปส.เป็นประจำ

วันที่ 30 มี.ค. พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.(191) พร้อมด้วยพ.ต.ต.พัดธงทิว ดามาพงศ์ สว.งานสายตรวจ 3 กก. สายตรวจ บก.สปพ. คุมตัวน.ส.ชลลดา ใบภักดี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ซอยอ่อนนุช 53 แขวงและเขตประเวศ กทม. ผู้ต้องหาคดียาบ้า เข้าตรวจค้นที่ห้องพักเลขที่ 305 อาคารสุปราณี เพลส ซ.รามคำแหง 76 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. พบยาบ้า 800 เม็ด ยาไอซ์ 50 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพ จากนั้นตรวจค้นรถเก๋งของน.ส.ชลลดา ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า ทะเบียน กฐ 1639 กทม. พบธงชาติ นกหวีด และสัญลักษณ์ ผู้ร่วมชุมนุม กปปส. จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

 พ.ต.ต.พัดธงทิวกล่าวว่า ตำรวจเคยจับกุมคนร้ายคดียาบ้าได้หลายราย ซัดทอดว่าซื้อของมาจากน.ส.ชลลดา จึงส่งสายติดต่อล่อซื้อยาบ้าจำนวน 60 เม็ด ยาไอซ์ 15 กรัม กระทั่งคนร้ายติดกับเดินทางมาส่งของที่แคทลีนแมนชั่น ซ.เสรีไทย 71 แขวงและเขตคันนายาว กทม. จึงจับกุมและพาไปตรวจค้นที่ห้องพักซึ่งเป็นแหล่งพักยา จากประวัติพบว่าเคยถูกจับคดียาเสพติดเมื่อปี 2545 ส่วนสามีที่เป็นหัวหน้าแก๊งถูกจับตาย โดยน.ส.ชลลดาพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน


 ด้านน.ส.ชลลดาสารภาพว่า พ้นโทษคดียาเสพติดออกมา 2 ปีเศษ ก็ไม่ได้ทำงานอะไรจนต่อมาได้เจอกับเพื่อนๆ ในวงการยาเสพติดชักชวนให้เป็นเอเยนต์ โดยจะปล่อยให้วัยรุ่นในชุมชนต่างๆ ในย่านประเวศและหัวหมาก ส่วนสัญลักษณ์ของกลุ่ม กปปส.ที่พบในรถนั้น เพราะเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม กปปส.ประจำอยู่แล้ว

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภาพชุดม็อบกำนันสุเทพ สวนลุมพินีในวันนัดชุมนุมใหญ่ 29 มีนาคม คึกคักจริงหรือ?


เห็นลุงกำนันบอกคนเยอะ เลยคึก นั่งรถไฟฟ้าไปลงศาลาแดง เยี่ยมดูสักหน่อย ไปถึงประมาณ 5.00 น.

เดินบนรถไฟฟ้าด้านบน มาสะพานลอยเพื่อมองดูด้านล่างว่าคนเยอะล้นจริงไหม  พบว่ามีการ์ดยืนกั้นตรงหัวถนนสีลม รถทุกคนที่ออกจากสีลม ให้เลี้ยวซ้าย-ขวาได้นะ วิ่งผ่านได้

รถทุกคันที่มาถึง "รัฐอิสระเทือก" ต้องจอดให้การ์ดสอบถามก่อนวิ่งผ่าน แต่เริ่มกั้นถนนแล้ว บอกว่า ขบวนใหญ่กำลังมา

รถยังวิ่งได้เป็นปกติ ดังนั้นที่บอกว่าคนเยอะล้นไปถึงสีลม จึงโกหกจ้าาาาา

การ์ดทำหน้าที่แทนตำรวจจราจรซะเลย



รถคันแรกเริ่มกลับมาแล้ว เบอร์อะไรไม่รู้ครับ  แต่โหนกันยังกะลิงเลย ถ่ายจากสะพานลอยลงไป

โหย..ร้องเพลงเปิดซะดัง ต้อนรับยังกะไปออกศึกสงครามชนะกลับมา แต่ละคนหน้าคล้ำแดดหมดเลย

คันถัดมาเริ่มทยอยกลับมาแล้วครับ แต่ละขบวน มันก็มีแค่นี้จริงๆ ขบวนละคันสองคัน ที่เดินๆ หายไปไหนหมดไม่รู้

กำลังลงเดินจากสะพานลอยเข้าสวนลุมฯ สักหน่อยจ้า


ลุงกำนันมาพอดี คนมาห้อมล้อมรอลุงกำนันกันใหญ่ ลุงเดินลงมาแร้ววววววว 

ตามไม่ทันแล้วครับ หายเข้าไปในสวนลุมพินี การ์ดกั้นสามสี่ชั้นเดินพาเข้าไปในสวนลุมพินี

ขี้เกียจเดินเข้าไปข้างใน การ์ดน่ากล้วมาก ตรงหน้าประตูเค้าตรวจทีละคน คนด้านขวายืนเจ้าคิวรอเข้า เราเลยหันหลังกลับดีกว่า

รถทยอยกลับเข้ามา คันไหนมีแกนนำ จะมีการ์ดใส่เสื้อเกราะอย่างดี

หน้าตาน่ากลัวมาก คันนี้ รู้สึกดร.เสรี มากับคันนี้ป่าว จำไม่ได้ เพราะเสียงเธอเจื้อยแจ้วมาจนไม่รู้มาจากคันไหน

คันนี้ ไม่มีแกนนำสำคัญ การ์ดเลยไม่มีเสื้อเกราะ หน้าตาบ้านๆๆ 

มีรถเบนซ์ด้วย ทะเบียนเก๋สุดๆ

ติดฟิล์มซะหนามองไม่เห็นคนนั่งหลัง เออ แต่แปลกดี เพราะคันนี้วิ่งออกจากโรงแรมดุสิตธานี และเลี้ยวขวาเข้าสวนลุมฯ

สวนลุมฯ กับ โรงแรมดุสิตธานี ห่างกันสิบเมตร ทำไมเค้าไม่เดินข้ามถนนเอาฟระๆๆๆ


"พานทองแท้" ซัด อำมาตย์ป่วนการเมือง ถ่วงตราชั่ง เผาบ้านไล่หนูตัวเดียว

วันที่ 29 มีนาคม 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra (https://www.facebook.com/oakpanthongtae)


ประเทศไทย จะปกครองด้วย "ระบอบประชาธิปไตย" ที่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง

หรือจะกลับไปเป็น ระบอบเดิมที่ปู่ยาตาทวดเราใช้กันมาก่อน พ.ศ.2475 คือ
"ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช" ที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะผู้บริหารขึ้นมาเอง

อำมาตย์ใหญ่อยากได้แบบไหน ก็เลือกเอาสักอย่างนึงเลยครับ..!! มัวแต่อ้อมๆแอ้มๆ ชักไยอยู่เบื้องหลังแบบนี้ ประเทศชาติติดหล่ม, ล่มจม, ไปไหนไม่ได้สักที

ถ้าคิดจะไม่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ที่ออกไปเลือกตั้ง เพียงเพราะว่าเลือกยังไง พรรคเพื่อไทยก็ชนะ อำมาตย์ใหญ่อยากได้ระบอบไหน เชิญเลือกเอาเลย เพราะอย่างน้อยทั้ง 2ระบอบนี้ก็ยังเป็น ระบอบที่มีในตำราว่าด้วยการเมืองการปกครอง ยังไงก็ย่อมดีกว่าพยายามจะนำพาประเทศชาติ เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบทุกวันนี้

ประชาธิปไตยจอมปลอมแบบที่พยายามกันอยู่นี้ สามารถทำให้ประเทศชาติย่อยยับในพริบตาเดียวครับ กระบวนการยุติธรรมถูกทำลาย ขบวนการ 2มาตรฐานกลับเบ่งบานอย่างไม่เคยมีมาก่อน ลงว่ากรรมการที่ต้องวางตัวเป็นกลาง หน้าด้านออกมายอมรับเต็มปากเต็มคำ ว่าต้องเอียงเพื่อทำงานใหญ่ แบบนี้ก็จบเห่ประเทศไทยครับ ถ้ายังไม่ลาออกไปภายใน3วัน7วัน เพื่อรักษาองค์กรไว้ละก็ ปลาเน่าตัวเดียวพาเหม็นกันไปทั้งข้องแน่ๆ

เหตุการณ์วิปริตที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรานี้ เป็นเพราะมีอำมาตย์ใหญ่คอยบงการอยู่เบื้องหลังครับ สั่งการให้องค์กรอิสระนั้นเอาผิดคนนู้น ให้องค์กรอิสระนู้นเอาผิดคนนี้ กระบวนการยุติธรรม ที่บรรพบุรุษเฝ้ารักษามาตรฐานกันมา ถูกทำลายเพียงชั่วคำตัดสินเดียว เผาบ้านทั้งหลังเพื่อไล่หนูตัวเดียว ทำแบบนี้แล้วประเทศชาติจะคงความเป็นนิติรัฐ ต่อไปได้อย่างไร..??

ไม่ชอบทักษิณจึงสร้างวาทะกรรม "ขจัดระบอบทักษิณ" ขจัดเพื่ออะไรครับ..??
เพื่อเอาระบอบ "เทือกคิด อภิสิทธิ์หนุน อำมาตย์บงการ ทหารรอคำสั่ง" แบบนี้มาแทนงั้นหรือ..??
มันไม่ใช่แค่การหนีเสือปะจระเข้แน่นอน ผมมองว่าระบอบฯชั่วร้ายนี้
มันจะทำให้จุดแข็งต่างๆ ที่เคยรวมเลือดเนื้อ เป็นชาติเชื้อไทย ต้องพังพินาศ
อาจถึงขั้นย่อยยับอับจน ไปยันชั่วลูกชั่วหลานเลยด้วยซ้ำ

ระบบการเลือกตั้งที่ใครๆก็ยอมรับว่าดี ที่คน 20กว่าล้านคนอุส่าห์ฝ่าดงอันธพาล ออกไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง กลับถูกคนเพียง 6คน ตัดสินโยนคะแนนทิ้งโดยไม่ไยดี กลับจะนำอำนาจของประชาชน ไปมอบให้กับอดีตลุงกำนันแก่ๆ ที่เป็นนักธุรกิจการเมืองมืออาชีพ มีแต่เรื่องถูกครหาฉาวโฉ่มาตลอดชีวิตการเมือง มาเป็นผู้เลือกนายกฯแทนระบบเลือกตั้ง พี่น้องประชาชนยอมรับไม่ได้หรอกครับ ตลอด30ปีที่ใช้ชีวิตทางการเมือง ลุงกำนันเคยริเริ่มนโยบายอะไรดีๆ ให้กับพี่น้องประชาชนบ้าง ต่อให้สลิ่มตัวพ่อก็ไม่มีใครนึกออก เพราะลุงคนนี้ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมืองเลย

กระทำชำเรา บ้านเมืองกันซะขนาดนี้ คนรักประชาธิปไตยเขาถึงตัดพ้อ น้อยอกน้อยใจกันไงครับ ไม่มีคนไทยที่ไหน เขาอยากจะแบ่งแยกประเทศหรอก มาร่วมกันทำประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ใครชอบใครก็ออกไปเลือกตั้ง ใครจะแพ้ ใครจะชนะกันอย่างไร ก็ยังพอยอมรับกันได้ แต่ถ้าจะขืนใจให้ยอมรับระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยกันแบบนี้ คนไทยไม่ไหวจะทนครับ

ถ้านำพาประเทศเข้าสู่ระบอบเผด็จการ หรือระบอบนายกฯเถื่อน"เทือกตั้งคนที่มีจิตใจรักประชาธิปไตย เขาก็อยากจะขอที่ยืนกันบ้าง ก็เท่านั้นเองครับ..!!

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

สหภาพยุโรปออกแถลงการณ์เรียกร้องไทยกำหนดตารางเวลาสำหรับการเลือกตั้งใหม่ให้ชัดเจน

วันที่ 28 มีนาคม 2557 go6TV ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โฆษกส่วนตัวนางแคทเธอรีนแอชตัน ผู้แทนระดับสูงด้านกิจการต่างประเทศ และนโยบายความมั่นคง และรองประธานสหภาพยุโรป หรือ อียู กล่าวในแถลงการณ์ระบุว่า ผู้แทนระดับสูงอียูรับรู้ถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญของไทยเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกำหนดตารางเวลาที่ชัดเจนสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ให้สอดคล้องกับกรอบรัฐธรรนูญและประชาธิปไตยของไทย

นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ นางแอชตันยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติ และแท้จริง ตลอดจนรับประกันว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางที่สุด


ทั้งนี้ผู้แทนระดับสูง ย้ำถึงข้อเรียกร้องเร่งด่วนกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้หลีกเลี่ยงความรุนแรง และกระทำการให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม

อ้างอิง - มติชน

ขึ้นเขียง ! ศาลฯรับคำฟ้องกกต.แจกใบเหลือง “สุขุมพันธ์” ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่ทันที



วันที่ 28 มีนาคม 2557 go6TV - นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการยื่นคำฟ้องไปยังศาลอุทธรณ์กลางตามมติ กกต. ที่สั่งให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ใหม่ (ใบเหลือง) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ภายหลังยื่นคำฟ้องไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ว่า ได้รับรายงานจากทางสำนักคดีและวินิจฉัย ของสำนักงานกกต. ว่า ได้รับหนังสือแจ้งจากศาลอุทธรณ์กลางว่าได้รับคำฟ้องดังกล่าวเข้าเป็นสำนวนคดีแล้ว เมื่อวันที่ 27 มีนาคม กระบวนการหลังจากนี้ สำนักงานกกต. ต้องทำหนังสือแจ้งไปยัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพื่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 239 ทันที

“ยิ่งลักษณ์” ตั้ง 3 ข้อสังเกต ชี้ พฤติกรรมเอนเอียง-ไม่ยุติธรรมของ ป.ป.ช.



วันที่ 28 มีนาคม 2557 go6TV – นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีคดีโครงการรับจำนำข้าวผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra (https://www.facebook.com/Y.Shinawatra) มีเนื้อหาดังนี้

กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ

กรณีคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ดิฉันถูกกล่าวหาโดยการยื่นคำร้องถอดถอนจากพรรคฝ่ายค้านส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งเป็นการกล่าวหาโดยตรงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งที่โดยกระบวนการปกติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรจะเป็นคนกลางในการพิจารณาคดีคำร้องถอดถอน

และเมื่อคดีนี้มีความพิเศษกว่าปกติ คือ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับมาเป็นคู่กรณีเสียเองเช่นนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมิใช่คนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรม ดังนั้น ในเบื้องต้นดิฉันขอตั้งข้อสังเกต ดังนี้

1. มาตรฐานของการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้ไต่สวนคดีโดยเร็ว
และยึดหลักนิติธรรมนั้น ใช้กับบุคคลทุกกลุ่มในบรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่ในระดับบริหารด้วยกันอย่างเท่าเทียม หรือมีเงื่อนไขที่จะใช้กับบุคคลหรือคณะบุคคลบางกลุ่มอย่างไม่เท่าเทียมกัน เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากหลายเรื่อง เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกกล่าวหา จะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนก่อน ซึ่งปัจจุบันแต่ละคดีไม่มีความคืบหน้า แต่ประการใด เช่น คดีสลายการชุมนุมที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เมื่อปี พ.ศ.2553หรือคดีทุจริตอื่น ในปี พ.ศ.2553 ก็ไม่ปรากฏว่า มีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนคดีของดิฉัน

2. ตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่มีต่อดิฉัน ซึ่งใช้เวลาเพียง 21 วัน ในการจัดเตรียมข้อกล่าวซึ่ง
มีมากมายหลายประเด็นที่อ้างว่า มีการทุจริตและมีความเสียหาย ซึ่งหากคำนึงถึงความเป็นธรรมแล้ว จำเป็นที่ดิฉันจะได้ใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองเพื่อตรวจสอบว่า มีพยานหลักฐานใดที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้ในการกล่าวหา หรือมีข้อสงสัยที่ไม่ชัดเจน เพื่อดิฉันจะได้ชี้แจงได้ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ ทำให้สรุปได้ชัดเจนว่า การตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ ดิฉันไม่ได้รับการอำนวยความยุติธรรมตามสมควร

3. การขอเลื่อนคดีของดิฉัน มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ไม่ให้ดิฉันเลื่อนคดีมีเหตุผลมากน้อยเพียงใด ในเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาว่า โครงการรับจำนำข้าวเกิดความเสียหาย โดยดิฉันรับรู้ รับทราบแล้วทำไมไม่ระงับ ยับยั้ง เพื่อยุติโครงการรับจำนำเสีย

เรื่องที่ดิฉันถูกกล่าวหานี้ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพยานเอกสาร และพยานบุคคลจำนวนมากที่ดิฉันต้องรวบรวม บางรายการต้องสืบค้นจากหลายหน่วยงาน เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา แต่หน่วยงานต่างๆมีระยะเวลาไม่เพียงพอ จึงแจ้งเหตุขัดข้องมาหลายหน่วยงาน ซึ่งดิฉัน ได้ให้ทนายความนำไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบถึงเหตุขัดข้อง เพื่อขอเลื่อนคดีสักระยะหนึ่ง ซึ่งจากที่ให้แล้ว 15 วัน และดิฉันขอขยายอีก 45 วันตามที่ได้ร้องขอไป

แต่คำขออำนวยความยุติธรรมดังกล่าว แม้สักวันเดียวยังไม่ได้รับ ทั้งๆที่ฝ่ายกรรมการ ป.ป.ช. ที่ถือเป็นคู่กรณีอ้างว่า ได้ใช้เวลาตรวจสอบเรื่องของดิฉันมาปีเศษแล้ว ทั้งๆ ที่คณะกรรมการ ปปช. ชุดใหญ่ มีมติภายใน 21 วันเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แต่เมื่อดิฉันจะใช้เวลาตามสมควรบ้าง กลับถูกปฏิเสธความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวน

ดิฉันเห็นว่า คดีนี้เมื่อตัวดิฉันมีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรี การถูกดำเนินคดีเป็นเรื่องที่สาธารณะชนทั่วไปควรต้องการรับรู้และถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะที่จะรับรู้ทั้งฝ่ายดิฉัน และเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเสมือนมิใช่คนกลางไต่สวนพิจารณาคดี หากแต่ถือเป็นคู่กรณีที่กล่าวหาดิฉันด้วยว่า ระหว่างการไต่สวนพิจารณาคดีของกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวนกับดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มีการปฏิบัติต่อกันในการดำเนินคดีโดยถูกต้อง เที่ยงธรรมหรือไม่ มิใช่มีเจตนามากล่าวหาต่อกันว่าใครผิดใครถูก ซึ่งไม่ถูกต้อง และกรณีของดิฉันคงเป็นบทเรียนของการใช้อำนาจของแต่ละฝ่ายว่า เป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่

แต่กรรมการ ป.ป.ช. กลับชี้แจงโดยกล่าวหาดิฉันว่า เป็นเพราะดิฉันไม่มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเองซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เพราะการรับทราบข้อกล่าวหา ดิฉันตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้อยู่แล้ว

เอกสารหลายรายการที่นำไปใช้กล่าวอ้าง และพาดพิงดิฉันรวมถึงบทสัมภาษณ์ ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจของ นายวิชา มหาคุณ ที่อ้างว่าดิฉันต้องรับผิดนั้น ทำไมไม่ให้ดิฉันตรวจพยานหลักฐานก่อน เพื่อให้ดิฉันได้มีโอกาสชี้แจงให้ถูกต้องและตรงประเด็น แต่กลับอ้างว่า ไม่สามารถให้ดูเอกสารหลักฐานได้เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญกลัวจะเสียรูปคดีซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของดิฉันตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิคุ้มครอง ซึ่งดิฉันได้รับเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งแรก 49 แผ่น และในภายหลังเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาได้รับเอกสารเพิ่มเติมอีก 280 แผ่น ซึ่งนั่นหมายความว่า ดิฉันจะต้องแก้ข้อกล่าวหาหลังได้รับเอกสารทั้ง 280 แผ่นนั้นภายในเวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น

“เอก Respect My Vote” บุกที่ประชุมวิสามัญปชป. ชูป้าย “We are the people” ก่อนโดนต่อยแว่นกระเด็น (มีคลิป)


วันที่ 28 มีนาคม 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. บริเวณชั้น 4 ภายในโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายเอก อัตถากร หนุ่มแว่นดำเจ้าของฉายา “Respect My Vote” หรือผู้ใช้นามแฝงว่า Ake Auttagorn พร้อมสมาชิกอีก 2 คน แต่งชุดดำบุกสถานที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมชูป้าย “We are the people” และป้ายข้อความ ปฏิรูปตัวเองเถอะ ที่ด้านหน้าห้องประชุม ทำให้สื่อมวลชนต่างกรูเข้าไปถ่ายภาพระหว่างที่นายเอก กำลังตะโกนว่า ปฏิรูปประเทศอย่างไร เมื่อคุณยังไม่ยอมเลือกตั้ง ยังขัดขวางการเลือกตั้ง เราไม่ยอม

โดยระหว่างนั้นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กำลังแบ่งกลุ่มประชุมสมัชชาปฏิรูป 7 กลุ่มใหญ่เสนอความเห็น ซึ่งนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กำลังเป็นพิธีกรดำเนินงานได้กล่าวว่า แสดงให้เต็มที่ ทำให้นายเอกตะโกนสวนกลับว่า มันไม่ใช่การแสดง เราคือประชาชน อย่าดูถูกประชาชน ประชาชนกำลังรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร

ทำให้นายบุญยอด ตอบโต้ว่า เราไม่เคยดูถูกประชาชน เจ้าเดิมคนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม จากนั้น นายเอกยังตะโกนต่อไปว่า ทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะประขาชนไม่ชนะ

เหตุการณ์เกิดความวุ่นวายและตึงเครียดขึ้น เมื่อสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่างกรูเข้าล้อมและประชิดตัวนายเอก พร้อมระดมเป่านกหวีดเพื่อขับไล่นายเอกออกจากสถานที่ประชุม แต่นายเอกได้หยิบนกหวีดขึ้นมาเป่า และถูกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กรูมาผลักดันลงไปบริเวณล็อบบี้ ชั้นล่างของโรงแรม แต่นายเอกยังคงตะโกนโต้เถียงไปมากับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นระยะ ทันใดนั้นมีชายใส่เสื้อสีขาวคนหนึ่ง เดินเข้ามาปรี่หมัดใส่หน้านายเอก จนแว่นตากันแดดสีดำของนายเอกร่วงกระเด็นตกพื้น โดยนายเอกพยายามป้องกันตัวเองแต่ไม่ได้มีการปะทะกันแต่อย่างใด

ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้ามาป้องกันและเชิญให้นายเอกออกจากโรงแรมท่ามกลางความชุลมุนขณะที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตะโกนขับไล่ และผู้มาใช้บริการในโรงแรมอยู่ในความแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต่างเรียกให้สมาชิกกลับเข้าประชุมตามปกติ